
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศระเบียบ คณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการฉบับใหม่ พ.ศ. 2567 กรณี “ข้าราชการอัยการ” ถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย ระบุหากการกล่าวหาเป็นบัตรสนเท่ห์ ซึ่งไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจนไม่ชี้พยานบุคคลแน่นอนพอที่จะสอบสวนได้ อาจไม่ดำเนินการสอบสวนก็ได้ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ระเบียบคณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการ พ.ศ. 2567 ลงนามโดย นายเรวัตร จันทร์ประเสริฐ ประธานคณะกรรมการอัยการ
ระเบียบฉบับดังกล่าวระบุว่าโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนชั้นต้นกรณีข้าราชการอัยการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย และการรายงานผลการสอบสวนชั้นต้น ที่ปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2554 เพื่อให้การดําเนินการสอบสวน ชั้นต้นข้าราชการอัยการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 30 (11) มาตรา 74 วรรคสอง และมาตรา 75 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 คณะกรรมการอัยการจึงออกระเบียบ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ สอบสวน ชั้นต้นข้าราชการอัยการ พ.ศ. 2567
ข้อ 2. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป)
ข้อ 3. ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอัยการว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสอบสวนชั้นต้น กรณีข้าราชการอัยการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย และการรายงานผลการสอบสวนชั้นต้น ที่ปรากฏว่ามีมูลเป็นกรณีกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2554
ข้อ 4 ในระเบียบนี้
“การสอบสวน” หมายความว่า การดําเนินการสอบสวนชั้นต้นแก่ข้าราชการอัยการผู้ถูกกล่าวหา หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย
“ข้าราชการอัยการ” หมายความว่า ข้าราชการอัยการทุกตําแหน่ง ยกเว้นอัยการสูงสุด และรองอัยการสูงสุด
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการ “ประธานกรรมการ” หมายความว่า ประธานกรรมการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการ “ผู้ได้รับมอบหมาย” หมายความว่าข้าราชการอัยการผู้ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้ทําการสอบสวนชั้นต้น
“ผู้ดําเนินการสอบสวน” หมายความว่า ผู้บังคับบัญชา ผู้ได้รับมอบหมาย หรือคณะกรรมการ
ข้อ 5 ให้ผู้บังคับบัญชาดังนี้ มีอํานาจดําเนินการสอบสวน
(1) อัยการสูงสุด สําหรับข้าราชการอัยการทุกตําแหน่ง ยกเว้นรองอัยการสูงสุด
(2) อธิบดีอัยการ อธิบดีอัยการภาค หรืออัยการจังหวัด สําหรับข้าราชการอัยการทุกตําแหน่ง ซึ่งอยู่ในบังคับบัญชา
ข้อ 6 เมื่อข้าราชการอัยการผู้ใดถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัยให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดําเนินการสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงและเป็นธรรมโดยมิชักช้า การดําเนินการสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชาตามข้อ 5 (2) ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวรายงานสํานักงานอัยการสูงสุดทราบทันที
การกล่าวหาดังนี้ ผู้บังคับบัญชาอาจไม่ดําเนินการสอบสวนก็ได้
(1) การกล่าวหาเป็นบัตรสนเท่ห์ซึ่งไม่มีพยานหลักฐานแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจน ไม่ชี้พยานบุคคลแน่นอนพอที่จะสอบสวนได้
(2) การกล่าวหาไม่มีข้อมูล หรือไม่มีสาระเพียงพอให้สอบสวนหาความจริงได้
ข้อ 7 ในกรณีที่มีผู้ถูกกล่าวหาหลายคน ถ้าผู้ถูกกล่าวหาบางคนไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาของตน ผู้บังคับบัญชานั้นไม่มีอํานาจดําเนินการสอบสวน ทั้งนี้ ให้รีบรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือตนที่มีอํานาจเพื่อพิจารณาดําเนินการ
ข้อ 8 ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาเห็นว่าการกล่าวหาหรือกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทําผิดวินัย ตามข้อ ๖ เป็นกรณีที่จะดําเนินการสอบสวนได้ ผู้บังคับบัญชาอาจมอบหมายให้ข้าราชการอัยการ คนใดคนหนึ่งซึ่งมีอาวุโสไม่ต่ํากว่าผู้ถูกกล่าวหา หรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการ เป็นผู้ดําเนินการสอบสวนแทนก็ได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแบบ วนช.๑ แนบท้ายระเบียบ
ในระหว่างการสอบสวน หากผู้ดําเนินการสอบสวนพบว่ามีการกระทําผิดวินัยในเรื่องอื่น หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการฝ่ายอัยการผู้อื่น หรือมีข้าราชการฝ่ายอัยการผู้อื่น ร่วมกระทําผิดด้วย ให้มีอํานาจสอบสวนการกระทําผิดในเรื่องดังกล่าว หรือสอบสวนเฉพาะในส่วน ของข้าราชการอัยการก็ได้
ในกรณีมีเหตุอันสมควร ผู้บังคับบัญชานั้นอาจรายงานผู้บังคับบัญชาเหนือตนที่มีอํานาจ เพื่อพิจารณาดําเนินการตามวรรคหนึ่งก็ได้
ข้อ 9 คณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการ ประกอบด้วยประธานกรรมการ หนึ่งคนและกรรมการอย่างน้อยอีกสองคนที่เป็นข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสไม่ต่ํากว่าผู้ถูกกล่าวหา เว้นแต่มีความจําเป็นจะแต่งตั้งกรรมการจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอาวุโสต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหาก็ได้และให้กรรมการคนหนึ่งเป็นเลขานุการ
ในกรณีจําเป็นผู้ได้รับมอบหมาย หรือ ประธานกรรมการอาจแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายอัยการ เป็นผู้ช่วยหรือผู้ช่วยเลขานุการ แล้วแต่กรณี เพื่อทําหน้าที่ช่วยเหลือในการบันทึกถ้อยคํา รวบรวมเอกสาร หรือดําเนินการอื่นตามที่ผู้ได้รับมอบหมายหรือประธานกรรมการเห็นสมควร ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแบบ วนช.๒ แนบท้ายระเบียบ และให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ
เมื่อมีการมอบหมายหรือแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชั้นต้นข้าราชการอัยการแล้ว หากมีเหตุสมควรหรือจําเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบุคคลที่ได้รับมอบหมายหรือได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ให้ผู้บังคับบัญชานั้นมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงได้และให้นําความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับด้วย