กทม. ตรวจสุขภาพคนงานใกล้ชิดที่เก็บกากแคดเมียมย่านบางซื่อแล้ว

กทม.ตรวจสุขภาพคนงานใกล้ชิดที่เก็บกากแคดเมียมย่านบางซื่อแล้ว

วันที่ 12 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานคร โดยศูนย์บริการสาธารณสุข 19 วงศ์สว่าง สำนักอนามัย ร่วมกับกรมควบคุมโรค ได้จัดทีมสอบสวนโรคพร้อมตรวจสุขภาพ เลือด และปัสสาวะของคนงานในโรงเก็บของเก่าที่ค้นพบกากแคดเมียมในย่านบางซื่อ เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) โดยมี รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมือง ร่วมคณะตรวจเยี่ยม

สำหรับโรงงานดังกล่าวมีคนงานอยู่จำนวน 20 คน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับสารอันตราย จึงมีการซักประวัติ โอกาสในการสัมผัสสารอันตราย พฤติกรรมในที่ทำงานและความใกล้ชิดกับคนรอบข้าง พร้อมตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อหาสารปนเปื้อน ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้มีคนงานมาตรวจสุขภาพแล้ว 12 คน ส่วนอีก 8 คนที่เหลือไม่สะดวกมาตรวจที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ทาง กทม.จึงได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ไปตรวจให้ที่โรงงานให้ครบถ้วนต่อไป

สำหรับบริเวณโรงงานดังกล่าวไม่มีบ้านเรือนที่พักอาศัยของประชาชน แต่ภายในซอยเดียวกันเป็นที่จอดรถขยะของ กทม. ซึ่งมีคนงานผ่านเข้าออกทุกวัน ถึงแม้ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด แต่เพื่อความมั่นใจจึงให้คนงาน จำนวน 17 คน มาตรวจคัดกรองสุขภาพด้วย

ทั้งนี้ ทางกรมควบคุมมลพิษ และกรมควบคุมโรคได้มีการเข้ามาเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน และฝุ่น ภายในโรงงาน รวมทั้งบริเวณโดยรอบรัศมี 100 เมตร 200 เมตร และจะเก็บเพิ่มเติมในเส้นทางที่รถขนส่งกากสารเคมีเข้ามาในระยะ 500 เมตร เพื่อสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น จากการตรวจน้ำกิน น้ำใช้ และน้ำเสีย ในเบื้องต้นยังไม่พบสารปนเปื้อน

ADVERTISMENT

เผยผลการตรวจสอบดิน-น้ำ-อากาศ โรงงานย่านบางซื่อ พบปริมาณแคดเมียมสูงเกินเกณฑ์เฉพาะตัวอย่างดินในโรงงาน แต่ดินนอกโรงงาน แหล่งน้ำ และอากาศ ไม่พบการปนเปื้อน

วันที่ 12 เม.ย. 2567 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วานนี้ (11 เม.ย.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับสำนักอนามัย กทม. ได้เข้าตรวจสอบกรณีตรวจพบกากแคดเมียมและสังกะสีซึ่งถูกเก็บไว้ในบริษัท ล้อโลหะไทย เมททอล จำกัด เลขที่ 1532/1 ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ โดยสรุปผลการตรวจสอบมีดังนี้

ADVERTISMENT

1. พบการกองกากตะกอนแคดเมียมและสังกะสีภายในอาคารโรงงาน ตามการประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2567 จำนวน 99 ถุง คิดเป็นปริมาณ 150 ตัน ซึ่งกากตะกอนดังกล่าว ถูกยึดไว้เป็นของกลางในการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน

2. สุ่มเก็บตัวอย่างกากของเสีย จำนวน 3 ตัวอย่าง ดินในโรงงาน จำนวน 2 ตัวอย่าง และดินนอกโรงงานในเขตชุมชน ห่างจากโรงงานช่วงระยะ 50 เมตร 100 เมตร 150 เมตร 200 เมตร 250 เมตร และ 400 เมตร จำนวน 9 ตัวอย่าง และเมื่อตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์แบบกระจายพลังงาน (Energy Dispersive X-ray Fluorescence ; EDXRF) พบว่ากากแร่มีปริมาณแคดเมียมสูงกว่าค่า TTLC (ถือเป็นของเสียอันตราย) โดยดินในโรงงานพบการปนเปื้อนแคดเมียมสูงเกินเกณฑ์การปนเปื้อนในดิน ส่วนดินนอกโรงงานตรวจไม่พบการปนเปื้อนแคดเมียม

3. ตรวจวัดไอระเหยสารเคมีในบรรยากาศ จำนวน 3 จุด ได้แก่ บริเวณภายในโรงงาน หน้าโรงงาน และชุมชนห่างจากโรงงาน 250 เมตร ผลการตรวจไม่พบสารอันตรายในบรรยากาศ

4. เก็บตัวอย่างน้ำทิ้งบริเวณลำรางภายในอาคารจำนวน 2 จุด และเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินบริเวณโดยรอบพื้นที่โรงงาน จำนวน 3 จุด พบว่าคุณภาพน้ำเบื้องต้นทั้งสองพื้นที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากบริเวณเก็บกากแคดเมียมไม่มีกิจกรรมที่ใช้น้ำในการประกอบกิจการและไม่พบการประกอบกิจการ

ทั้งนี้ การจัดการกับกากแคดเมียมที่พบ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่จะเป็นผู้วางแผนและวางแนวทาง รวมถึงมาตรการป้องกันความปลอดภัยในการขนย้ายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และจัดเตรียมพื้นที่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัยทั้งก่อนและหลังขนย้าย