เลขา ป.ป.ท.เผยคดี “ทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง” เชียงใหม่คืบ 50% สอบพยานกว่า 1,000 ราย

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เขตพื้นที่ภาค 5 อาคารบิซิเนสพาร์ค ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. แถลงข่าวความคืบหน้าคดีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ ว่า ป.ป.ท.เป็นหน่วยงานแรกที่เข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเริ่มที่ขอนแก่น ซึ่งคดีมีความคืบหน้าพอสมควร ส่วน จ.เชียงใหม่ คดีคืบหน้ากว่าร้อยละ 50 แต่มีอุปสรรค ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลที่ต้องสอบปากคำประชาชนผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย ส่วนการตรวจสอบการทุจริตทั่วประเทศ พบว่ามี 67 จังหวัด ก่อนขยายผลไปยังนิคมชาวเขา นิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาสงเคราะห์บนพื้นที่สูงและศูนย์ประสานงานสหกรณ์ อีก 28 แห่ง เป็นของพื้นที่ ป.ป.ท.ภาค 5 จำนวน 5 แห่ง
ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และน่าน

“คณะกรรมการ ป.ป.ท.ได้มีคำสั่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พี่งรวม 50 ศูนย์ จาก 67 ศูนย์ทั่วประเทศ แบ่งเป็นทีมละ 3-4 คน พบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุจริต รวม 217 ราย เบื้องต้นเร่งรัดให้ไต่สวนคดีดังกล่าว จำนวน 28 ศูนย์ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เป็นลำดับแรก แต่มูลค่าความเสียหาย ยังสรุปไม่ได้ 100% จนกว่ามีการสอบปากคำพยานทั้งหมด เฉพาะเชียงใหม่ เบื้องต้นพบความเสียหายล้านกว่าบาท บางรายรับเงินไป 1,000-2,000 บาท บางรายรับเงินซ้ำ 2-3 ครั้ง ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนพบมูลความผิด จึงเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดตามขั้นตอน ก่อนลงมติให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องการุทจริตดังกล่าวทั้งหมด” พ.ท.กรทิพย์ กล่าวและว่า หลังคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิด ได้ดำเนินการ 2 ขั้นตอน ดำเนินคดีทางอาญา ก่อนส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้องศาล และส่งเรื่องให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องการทุจริต 217 ราย ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ในจำนวนดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ ป.ป.ท.ภาค 5 จำนวน 20 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังพบมีผู้เกี่ยวข้องการทุจริตทั่วประเทศเพิ่มอีก รวมเป็น 250 ราย ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่เป็นเจ้าหน้าระดับสูง หรือผู้บริหารระดับกรม ร่วมทุจริตดังกล่าวด้วย

ส่วนการทุจริตของศูนย์สงเคราะห์บนพื้นที่สูง จำนวน 43 แห่งทั่วประเทศ พ.ท.กรทิพย์ แถลงว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ ซึ่งการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐาน ต้องใช้เวลาบ้าง เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกลประชาชนหรือผู้เสียหายไม่สะดวกมาให้ปากคำที่สำนักงาน เจ้าหน้าที่ต้องลงพื้นที่ไม่ตรวจสอบเอง ประกอบกับบุคลากรมีจำกัดต้องแบ่งทีม ลงไปสอบปากคำอย่างน้อยทีมละ 2 คนขึ้นไป ตามระเบียบทางราชการ

“ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท. ไม่มีใบสั่งจากรัฐบาล หรือองค์กรใด ให้เร่งรัดดำเนินคดีดังกล่าว แต่ขอให้ดำเนินการตามกระบวนทางระเบียบกฏหมาย เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเท่านั้น ถ้ามีใบสั่ง ผมคงไม่ยอม แต่จะแจ้งความกลับ เพื่อดำเนินคดี ฐานก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ซึ่งการเดินทางมาที่เชียงใหม่ ยังได้มีโอกาสพบปะอธิบดีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 เพื่อหารือเกี่ยวกับกฏหมาย ป.ป.ท.ตามมาตรา 23 ที่ให้อำนาจหน้าที่ ป.ป.ท. แสวงหาข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเสนอให้อัยการส่งฟ้องศาลดังกล่าวตามลำดับด้วย” พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

นอกจากนี้ พ.ท.กรทิพย์ แถลงอีกว่า ยังได้ไปดูพื้นที่ก่อสร้างสำนักงาน ป.ป.ท.ภาค 5 บริเวณศูนย์ราชการจัง
หวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแห่งแรกของประเทศ โดยได้รับงบประมาณสร้าง 54 ล้านบาท แต่มีผู้ประมูลก่อสร้างเพียง 47 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 7 ล้านบาท ซึ่งมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างแล้ว เหลือเพียงส่งมอบพื้นที่จากกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น โดยการก่อสร้างใช้เวลา 2 ปีแล้วเสร็จ

 


ที่มา : มติชนออนไลน์