หลังจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงแนวทางการนำหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (ฺBacc) กลับมาบริหารจัดการด้วยตัวเอง โดยให้ทางสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เข้ามาจัดการดูแล จากที่ในปัจจุบันได้ให้มูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครเป็นผู้บริหารจัดการนั้น
และในวันนี้มีผู้ลงชื่อในแคมเปญรณรงค์ “คัดค้านการที่กรุงเทพมหานครจะเข้ามาบริหารจัดการหอศิลป์กรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง” ทางเว็บไซต์ change.org แล้วกว่า 11,000 คน (เวลา 11.47 น.) (อ่านข่าว ลงชื่อ ค้าน กทม.เข้าบริหารหอศิลป์ฯ ทะลุหมื่นคนแล้ว!)
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
ล่าสุด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ผู้ว่าฯ อัศวิน ระบุว่า
“Ars longa vita brevis” ประโยคดังกล่าวได้รับการแปลอย่างลึกซึ้ง โดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีใจความว่า “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” แสดงถึงความสำคัญของศิลปะ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีพื้นที่สาธารณะปราศจากการแทรกแซงเพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ ไม่ว่าจะใช้เพื่อการแสดงออก เพื่อศึกษาหรือร่วมแบ่งปันงานศิลป์ และหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในจุดสำคัญของประเทศที่ใช้ในการทำกิจกรรมเหล่านี้
จากการที่มีกระแสข่าวในทำนองว่า กทม.จะนำพื้นที่ในหอศิลป์ฯทั้งหมดไปทำอย่างอื่น?หรือ แม้กระทั่งนำไปทำห้างสรรพสินค้า!?รวมไปถึงแคมเปญออกมา คัดค้านการที่กทม.จะเข้ามาบริหารจัดการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครด้วยตนเองนั้น
ผมคงต้องตอบว่า กทม. ไม่เคยคิด และไม่มีทางที่จะทำลายสถานที่แสดงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศเรา เพียงแต่เราต้องการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนของหอศิลป์ฯ ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ เราต้องการนำพื้นที่เหล่านั้นมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ หนึ่งในแนวทางที่อยากจะปรับปรุงก็คือ การนำพื้นที่เหล่านั้นมาปรับเป็นให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนได้เข้ามาใช้ สร้างสรรค์งานศิลป์ ทำงาน พบปะ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือที่เรียกกันว่า co-working space ในส่วนนิทรรศการก็ยังจะต้องใช้เพื่อแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมอย่างเดิม
แต่การที่กทม.จะเข้าไปพัฒนาพื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้น อาจติดด้วยระเบียบและกฎหมายการมอบกิจการให้มูลนิธิ กทม.จึงมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ที่ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันและดึงดูดให้ประชาชนสนใจงานศิลป์มากขึ้น สำหรับแนวทางการพัฒนานั้นอาจมีการดึงผู้ที่เกี่ยวข้องและมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ มาช่วยพัฒนา
ผมเชื่อมั่นว่า ศิลปะเป็นเรื่องของอิสระทางความคิดและจินตนาการ ศิลปะเป็นสิ่งจรรโลงใจหาใช่เพื่อวัตถุประสงค์ใด และ สถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้จะต้องยังคงอยู่เพื่อประชาชนทุกคนครับ
สุดท้ายนี้ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพัฒนาในพื้นดังกล่าวครับ
“Ars longa vita brevis” ประโยคดังกล่าวได้รับการแปลอย่างลึกซึ้ง โดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีใจความว่า "ศิลปะยืนยาว…
โพสต์โดย ผู้ว่าฯ อัศวิน เมื่อ 13 พฤษภาคม 2018