ราชกิจจาฯ ประกาศ เก็บ VAT สินค้านำเข้าตั้งแต่บาทแรก เริ่ม 5 ก.ค. 67

ratchakitcha

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้าจากต่างประเทศตั้งแต่บาทแรก มีผล 5 ก.ค.-31 ธ.ค. 2567

วันที่ 22 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ระบุว่า โดยที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคระหว่างผู้ขายในต่างประเทศซึ่งไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้ขายในประเทศไทยซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

ประกอบกับประเทศไทยต้องปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศ ซี่งให้กำหนดราคาขั้นต่ำของของที่นำเข้าแต่ละรายเพื่อให้คุ้มค่ากับการจัดเก็บอากรศุลกากร อันเพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 ออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้า ซึ่งแต่ละรายผู้รับในประเทศมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัย (CIF) ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 บาท แต่ไม่เกิน 1,500 บาท

ข้อ 2 ผู้นำของเข้าต้องปฏิบัติตามพิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด

ADVERTISMENT

ข้อ 3 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ประกาศ ณ วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ADVERTISMENT

พิชัย ชุณหวชิร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องเก็บ VAT สินค้านำเข้าที่ราคาต่ำกว่า 1,500 บาท เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้ภาคเอกชนที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่อยู่ภายใต้พื้นฐานของกฎหมายของภาษีเดียว ตอนนี้ได้ดําเนินการแล้ว โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามส่งเข้าไปที่ประชุม ครม.เรียบร้อย

“หาก ครม.พิจารณาเห็นชอบ จะนำไปสู่การสร้างตลาดที่มีความเสมอภาคมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ยอมรับว่าสินค้าชิ้นเล็ก ๆ บางประเภทที่นำเข้าจากต่างประเทศมองไม่ออกว่าเป็นสินค้าอะไร และแทนที่จะต้องเก็บภาษีเท่ากับสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศ กลับได้รับการยกเว้น” รมช.คลัง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงแรกการจัดเก็บภาษีในส่วนสินค้านำเข้าที่มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท จะให้อำนาจของกรมศุลกากรเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ เพื่อส่งให้กรมสรรพากร เหมือนกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนสินค้าที่ราคาเกิน 1,500 บาท

ส่วนในระยะถัดไปจะมีการแก้ไขประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากร และหารือกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ให้เป็นผู้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำส่งให้กับกรมสรรพากรโดยตรง