แม่ทัพภาค4 เผยรู้แล้วกลุ่มป่วนใต้คือใคร แต่ไม่ขอเปิดชื่อ สั่งเพิ่มมาตรการ ‘หมวกกันน็อก’

หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 พฤษภาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 23.30 น.วันที่ 20 พฤษภาคม พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางลงตรวจจุดเกิดเหตุคนร้านลอบวางระเบิดตู้ ATM ป่วนหลายจุดในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยมี พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซ๊ะ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี นายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองปัตตานี ร่วมรายงานสถานการณ์และความคืบหน้าของแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้มีการรายงานผลการตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานพบว่า คนร้ายมุ่งหมายจุดก่อเหตุที่เป็นตู้ ATM ของธนาคารต่างๆ และระเบิดที่ประกอบนั้นตรวจสอบแล้วไม่มีสะเก็ดระเบิด โดยข้อมูลการรายงานกลุ่มคนร้ายต้องการแสดงศักยภาพว่า สามารถก่อเหตุในเขตพื้นที่ชุมชนและย่านเศรษฐกิจ แม้จะมีการวางมาตรการคุมเข้ม เพื่อลดความเชื่อมั่นต่อมาตรการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานความคืบหน้าของคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทั้งดีเอ็นเอ และภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า พอจะทราบเบาะแสคนร้ายกลุ่มนี้แล้ว

พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ คาดว่าคนร้ายต้องการแสดงตัวตนให้รู้ว่าเขากลับมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของคนเก่าที่มีลักษณะแบบนี้ที่เคยก่อเหตุกับตู้ ATM และหายไปแล้วเมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้ถูกจับเข้าคุกไปหมดแล้ว และก็ไม่ค่อยจะมีเรื่องขึ้นอีกเลย

“แต่ตอนนี้ได้กลับมาอีกแล้วและมุ่งเป้าการก่อเหตุไปที่ตู้ ATM เพียงอย่างเดียว พร้อมกันทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันเหมือนเป็นสิ่งต้องการบอกเหตุให้ได้รู้ว่าเขาได้กลับมาอีกแล้ว ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เองก็ต้องมีการเข้มงวดขึ้นให้มากกว่าเดิม สำหรับมาตรการนั้น ได้พูดคุยกับฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองแล้ว โดยวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ จะมีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติมในเรื่องของการสวมหมวกกันน็อกของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ต่อไปเมื่อใครขับรถ จักรยานยนต์แล้วจอดลงเดินนั้น จะต้องถอดหมวกกันน็อกวางไว้ที่รถทุกคน หากไม่วางจะต้องมีความผิดอย่างไรนั้นจะต้องไปคุยกับนักกฎหมายอีกที เพราะเป็นเรื่องของการสร้างความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนว่า เมื่อลงจากรถจักรยานยนต์แล้วให้ถอดหมวกกันน็อกไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ตาม โดยในช่วงแรกอาจจะเป็นการเตือนและจะมีการออกเสียงตามสายทางวิทยุ การปิดป้าย รวมถึงการให้ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของรับช่วยเตือนในช่วงแรกๆ เพื่อสร้างความปลอดภัย อาจจะถือไปด้วยก็ไม่ว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้นจะต้องมาคุยกันอีกที” พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว

ส่วนการก่อเหตุที่ช่วงนี้เป็นเดือนรอมฎอนที่ทุกคนมุ่งหวังจะสร้างสันติสุข แต่กลับมามีการก่อเหตุช่วงนี้มีนัยยะอะไรหรือไม่นั้น แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า คงไม่มีนัยยะอะไร เพียงแต่ดังที่กล่าวไปแล้วว่าต้องการแสดงตัวตนให้รู้ว่า “กูกลับมาอีกแล้ว”


“ดังนั้นเมื่อกลับมาแล้ว เราก็จะต้องเจอกันอีก และพอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร รู้ชื่อและหน้าตาแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผย เก็บไว้ก่อน และขอให้ได้หลักฐานมาก่อน ซึ่งก็เป็นคนเก่าๆ ที่เคยทำกันอยู่และเราก็จะใช้วิชาเดิมๆ แบบตำรวจว่าเคยเกิดเหตุมาแล้วเมื่อ 5 – 6 ปีก่อน และก็ถูกจับเข้าคุกมาแล้ว วันนี้ก็มาทำอีกคงควานหาตัวไม่ยากว่าใคร และก็อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า เดือนนี้เป็นเดือนอันบริสุทธิ์และขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้เดือนนี้ปราศจากภัยอันตรายให้มีความปลอดภัย และไม่อยากให้คิดเฉพาะเดือนนี้ อยากขอทั้ง 12 เดือน ให้ทุกคนมีความสุข ปราศจากอันตราย เหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจทำให้ประชาชนตกใจบ้าง แต่ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด