อธิบดีทช.ตรวจป่าชายเลน “คลองพารา” ชี้พื้นที่สมบูรณ์ สั่งทำเเนวเขตสกัดเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 พฤษภาคม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 9 (สบทช.9) นายฉัตร ชลารัตน์ หัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 (ภูเก็ต) และคณะ ลงพื้นที่ป่าชายเลนป่าชายเลนคลองพารา หมู่ 9 (บ้านอ่าวกุ้ง) ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนว่าจะมีการขุดลอกคลองเพื่อใช้สำหรับเรือเข้าออกของโครงการมารีน่าของเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนการประกอบอาชีพของชาวบ้านบริเวณดังกล่าว โดยมีนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก นายประดิษฐ พวงเกษ ประธานชมรมอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง และสมาชิกฯ นำสำรวจพื้นที่ พร้อมชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับป่าชายเลนดังกล่าว โดยเฉพาะความร่วมมือของชาวบ้านในการร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายดังกล่าว ซึ่งพบว่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก

นายจตุพรกล่าวภายหลังการลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ สบทช.9 และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) ว่า ได้มีประชาชนลงเฟซบุ๊ก และมีการแชร์ข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณนี้มีความสมบูรณ์ ทั้งป่าชายเลน และแนวปะการัง รัฐมนตรีว่าการ ทส.จึงได้มอบหมายให้ตนลงมาตรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่

“จากการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ได้เห็นถึงความตั้งใจของภาคประชาชนในการช่วยกันดูแลพื้นที่ป่าชายเลนให้มีเพิ่มมากขึ้น และมีความสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ในส่วนของพื้นที่ในทะเล นอกจากแนวปะการังแล้ว และยังมีการสำรวจพบกัลปังหาสีแดงด้วย จึงทำให้เชื่อได้ว่าบริเวณอ่าวกุ้งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ สบทช.9 ลงสำรวจและจัดทำแนวเขตป่าชายเลนให้ชัดเจน โดยจะลงพื้นที่สำรวจภายในสัปดาห์นี้ และให้แล้วเสร็จมีความชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่ก็ได้นำเรียนรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จัดกิจกรรมปลูกป่าเพิ่มเติม ฉะนั้นในพื้นที่ 2,000 กว่าไร่ นี้ ทช.ก็จะเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่เพื่อรักษาสมบัติของแผ่นดินไว้ตลอดไป” นายจตุพรกล่าว

ส่วนกรณีที่จะมีภาคเอกชนมาลงทุนมารีน่าและจะมีการขุดลอกคลองซึ่งต้องผ่านพื้นที่ป่าชายเลนนั้น อธิบดี ทช. กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนก็คงต้องว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนของการดูแลพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณนี้ ขอยืนยันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ และต้องขอบคุณภาคประชาชนในบริเวณนี้ที่ช่วยกันดูแลและรักษาผืนป่าชายเลนแห่งนี้ไว้

“ขณะนี้ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ฯ ทำการสำรวจปริมาณของทรัพยากรทางทะเลบริเวณนี้แล้ว และนับเป็นความโชคดีว่าพื้นที่บริเวณชายฝั่งทั้งประเทศมีความสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น โดยจะพบว่ามีปริมาณของสัตว์ทะเลหายากและพื้นที่ป่ายชายเลนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกิดจากภาคประชาชนที่เข้ามาส่วนร่วมในการดูแลรักษา ในส่วนของราชการก็จะต้องถือโอกาสนี้ดูแลอย่างเต็มที่เช่นกัน และมีความโชคดีที่ได้ตั้งกลุ่มอาสาพิทักษ์ทะเลขึ้นมา ซึ่งเป็นระเบียบของกระทรวงที่กำหนดให้มีการจัดตั้งขึ้น เป็นเครือข่ายในภาคประชาชนในการดูแลชายฝั่งทั้ง 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล ซึ่งถือเป็นพลังที่มีความสำคัญมาก ฉะนั้นคิดว่าพื้นที่อ่าวกุ้งถือเป็นตัวอย่างของภาคประชาชนที่เข้ามาช่วยกันดูแล และขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ เพราะจากการลงพื้นที่มาเห็นด้วยตาตัวเองและพิจารณาเห็นถึงความตั้งใจของพี่น้องประชาชนแล้ว ว่าทางกรมฯ จะเข้ามาร่วมมือในการดูแลอย่างเต็มที่” นายจตุพรกล่าว

 

 


ที่มา : มติชนออนไลน์