
เปิดภาพรวมมูลค่าความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนในประเทศไทย ที่ยังคงมีมูลค่ามากเกินความจำเป็น ขณะที่งบประมาณในการอำนวยความปลอดภัยให้กับประชาชนบนท้องถนนเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
วันที่ 2 ตุลาคม 2567 จากอุบัติเหตุไฟไหม้รถบัสเมื่อวานที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2567) ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะ รวมถึงการตรวจสอบสภาพก่อนใช้งานที่ถูกละเลยจากหน่วยงาน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในครั้งนี้
เหตุการณ์นี้ มีสาเหตุจากยางรถแตกจนเสียหลักชนเข้ากับแบริเออร์ ทำให้เกิดประกายไฟลุกไปถึงถังก๊าซ NGV ภายในรถ ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ นับเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ในปี 2567 รวมถึงมูลค่าความเสียหายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก ทั้งผู้โดยสารภายในรถ และผู้คนที่กำลังเดินทางบนถนนเส้นวิภาวดี
ย้อนกลับไปดูสถิติมูลค่าความเสียหายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) จาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) พบว่า ตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 303,715.4 ล้านบาทต่อปี โดยมูลค่าอุบัติเหตุนั้น กรมทางหลวง คำนวณจากอุบัติเหตุ 1 ครั้ง ประกอบด้วย ผู้เสียชีวิต, ผู้พิการ, ผู้ที่บาดเจ็บสาหัส และผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อย

จากค่าเฉลี่ย 5 ปีนับเป็นความเสียหายที่มีจำนวนมากเทียบเท่างบประมาณรายจ่ายต่อปีของแต่ละกระทรวง ขณะที่งบประมาณที่จัดสรรเพื่ออำนวยความปลอดภัยนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งล่าสุดในปี 2566 ได้รับการจัดสรรกว่า 4,070 ล้านบาทต่อปี
ความเสียหายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในปีนี้ จาก ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย (Thai RSC) ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน 633,455 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 10,403 คน ซึ่งมีจำนวนใกล้กับสถิติเมื่อปี 2566 ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่ 808,696 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 17,498 คน และจากข้อมูลทั้ง 2 ปีพบว่า รถจักรยานยนต์เป็นประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด

ทั้งนี้ในปี 2567 ยังเหลือช่วง 7 วันอันตรายในเทศกาลปีใหม่ที่ต้องคอยเฝ้าระวังว่า จำนวนตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจากสถิติอุบัติเหตุดังกล่าวและกรณีไฟไหม้รถบัสที่นับเป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ก็ทำให้คาดการณ์ได้ว่า มูลค่าความเสียหายในปี 2567 นี้อาจมากกว่าหรือเทียบเท่า 276,682 ล้านบาท
และการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง นอกจากความเสียหายทางด้านร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สินที่ต้องได้รับการเยียวยาแล้ว การเสียกำลังผลักดันเศรษฐกิจในประเทศ นับเป็นความสูญเสียโอกาสเติบโตของบุคคลที่ควรจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองของประเทศไปด้วย ซึ่งไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเลขให้เห็นได้อย่างชัดเจน