การรถไฟฯประเดิม 7 ทำเลทอง ให้ SRTA พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ปี 2568

การรถไฟฯ ส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core)กว่า 1.2 หมื่นสัญญา ให้บริษัทลูก เอสอาร์ที แอสเสท (SRTA) ลุยพัฒนาเชิงพาณิชย์ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สิน-เพิ่มรายได้ยั่งยืน ประเดิมปี 2568 ลุยพัฒนาที่ดิน 7 แปลงทำเลทอง

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมบุรฉัตร สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพฯ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการรถไฟฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

ในการส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้กับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) โดยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และพันตำรวจเอก ศุภกร ศุภศิณเจริญ กรรมการบริษัท รักษาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินของการรถไฟฯ และก่อให้เกิดรายได้สูงสุดแก่องค์กร

สุรพงษ์ ปิยะโชติ
สุรพงษ์ ปิยะโชติ

ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 เห็นชอบให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ซึ่งการรถไฟฯ ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูก ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564

มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสินทรัพย์ทั้งหมดยังคงเป็นของการรถไฟฯ 100% แต่สามารถสร้างรายได้จากการบริหารทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ชาติในด้านการสร้างรายได้และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

วีริศ อัมระปาล
วีริศ อัมระปาล

สำหรับแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ให้กับ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด อย่างเป็นทางการ จำนวน 12,233 สัญญา ประกอบด้วย

Advertisment

1) สัญญาฝ่ายบริหารทรัพย์สิน จำนวน 5,856 สัญญา 2) สัญญาฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ จำนวน 6,369 สัญญา 3) สัญญาฝ่ายอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม จำนวน 8 สัญญา บนพื้นที่กว่า 38,469 ไร่ เพื่อให้บริษัทลูกของการรถไฟฯ นำไปบริหารจัดการสัญญาเช่า โดยที่ทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ รวมทั้งจัดสรรพื้นที่และเจรจากับบุคคลที่สาม หรือร่วมทุนกับเอกชน เพื่อรับโอนพื้นที่ไปดำเนินการ

ตลอดจนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเช่าพื้นที่จากการรถไฟฯ หรือซื้อที่ดินจากองค์กรอื่นมาพัฒนาและบริหารจัดการ ทั้งนี้ บริษัทต้องแบ่งผลตอบแทนให้กับการรถไฟฯ ในฐานะผู้บริหารสัญญา ร้อยละ 5 ของรายได้จากค่าบริหารสัญญา

Advertisment

สำหรับที่ดินแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ อีก 28 แปลง ที่สามารถพัฒนาพื้นที่และสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯนั้น เบื้องต้น บริษัท SRTA ได้จัดทำแผนพัฒนาพื้นที่โครงการ ออกเป็น 3 ระยะ โดยในระยะแรก จะดำเนินการในปี 2568 จำนวน 7 แปลง ประกอบด้วย

  • 1) โครงการบางซื่อ-คลองตัน (RCA)
  • 2) โครงการศิลาอาสน์แปลงย่อย
  • 3) โครงการตลาดคลองสาน
  • 4) โครงการสถานีราชปรารภ (แปลง OA)
  • 5) โครงการถนนพหลโยธิน (หัวมุม อ.ต.ก.)
  • 6) โครงการย่านบางซื่อ (แปลง A2) สถานีขนส่ง
  • 7) โครงการย่านสถานีหนองคาย (แปลง 5)

ส่วนที่เหลือนั้นจะดำเนินการในปี 2569-2572 อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา การรถไฟฯ ส่งผลการศึกษาที่ดินแปลงที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ (Non Core) จำนวน 28 แปลงดังกล่าวให้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 แล้ว รวมถึงการมอบสัญญาเช่าบางส่วนให้กับบริษัท SRTA นำไปศึกษาและดำเนินการจัดทำแผน เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ด้วย

ปัจจุบันที่ดินของการรถไฟฯ มีทั้งหมด 246,880 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ Core Business เป็นพื้นที่ย่านสถานี ที่ทำการ เขตทางรถไฟ จำนวน 201,868 ไร่ และพื้นที่ Non-Core Business ที่สามารถนำไปทำประโยชน์ได้ จำนวน 45,012 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ สามารถนำไปพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จำนวน 33,761 ไร่

“การส่งมอบแฟ้มสัญญาเช่า และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non Core) ในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาสินทรัพย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินของการรถไฟฯ ให้เกิดรายได้และประโยชน์สูงสุดกับการรถไฟฯ อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป“ นายวีริศกล่าว