
บอร์ด สปสช.เห็นชอบขับเคลื่อน 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 รวม 31 จังหวัด ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่าบอร์ด สปสช. เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายยกระดับบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ที่เสนอโดยนางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ นำร่องใน 4 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 และขยายพื้นที่เป็นระยะตามนโยบายและการประกาศพื้นที่ของ สธ. โดยในระยะที่ 1-3 ดำเนินการไปแล้ว 46 จังหวัด (รวมกรุงเทพมหานคร)
ดังนั้น วันนี้จึงให้ขยายการดำเนินการต่อเนื่องในพื้นที่ 31 จังหวัด ขยายความครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ยังเห็นชอบในหลักการแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของ สปสช. ทั้งเป้าหมายและกรอบแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 10 ประการ รวมทั้งระบบการเบิกจ่ายและการเชื่อมข้อมูล
“นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการตามนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ด สปสช.ยังมอบ สปสช.ออกประกาศ 5 ฉบับ ตามที่ สปสช.นำเสนอ เพื่อให้หน่วยบริการและประชาชนทราบและดำเนินการ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังให้ สปสช.จัดทำข้อเสนอหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข รองรับการขยายพื้นที่การดำเนินนโยบายทั่วประเทศด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงกรอบแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ 10 ประการ ที่บอร์ด สปสช.เห็นชอบให้ขับเคลื่อนว่า
1.ประชาชนไปรับบริการได้ทุกที่ตามความจำเป็น โดยใช้บัตรประซาชนและไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว หรือใช้ใบส่งตัวอิเล็กทรอนิกส์
2.สนับสนุนให้หน่วยบริการแต่ละระดับจัดบริการตามศักยภาพ โดยเฉพาะบริการระดับปฐมภูมิ และบริการระดับตติยภูมิ/ขั้นสูงเพื่อกระจายการรับบริการ ลดความแออัดในหน่วยบริการขนาดใหญ่
3.เพิ่มหน่วยบริการนวัตกรรมรูปแบบต่าง ๆ (บริการปฐมภูมิ) ครอบคลุมทั่วถึง ทุกพื้นที่ รวมทั้งหน่วยบริการทติยภูมิ รองรับการส่งต่อ
4.ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ ผ่านระบบ One Stop Service ลดขั้นตอน สะดวก
5.เชื่อมโยงข้อมูลบริการสุขภาพของหน่วยบริการทุกแห่ง กับระบบเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการของ สปสช.ผ่าน API ลดภาระงานหน่วยบริการในการบันทึกและส่งข้อมูล
6.พัฒนาและใช้ AI ตรวจสอบก่อนจ่ายและหลังจ่าย เบิกจ่ายถูกต้อง รวดเร็วขึ้น
7.สนับสนุนการมีส่วนร่วมของหน่วยบริการในการตรวจสอบกำกับกันเอง
8.พัฒนาระบบตรวจสอบและการกำกับติดตามประเมินผล เพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย และมีข้อมูลหลักฐานในการปรับปรุง/พัฒนา
9.ยกระดับบริการสายด่วน Contact Center 1330 อำนวยความสะดวกและช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ประชาชนและหน่วยบริการ
10.สื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก และการแสดงสัญลักษณ์ของหน่วยบริการที่ให้บริการตามนโยบาย
นพ.จเด็จกล่าวว่า สำหรับในส่วนของประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 5 ฉบับ เพื่อรองรับขับเคลื่อนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่มี 1.จังหวัดที่ดำเนินงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 โดยกำหนดรายชื่อจังหวัดเพิ่มเติมจำนวน 31 จังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
2.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการให้บริการของหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
3.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการในการรับบริการของประชาชนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่
4.การกำหนดตราสัญลักษณ์และหลักเกณฑ์การใช้ตราสัญลักษณ์สำหรับหน่วยบริการที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ และ
5.การกำหนดหลักเกณฑ์และการดำเนินการในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของผู้รับบริการในหน่วยบริการที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ และเสนอคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนพิจารณา ก่อนเสนอคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป
“จากมติบอร์ด สปสช.ที่ได้เห็นชอบในวันนี้ สปสช.จะเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายใน 31 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เป็นการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และยกระดับบริการเพื่อดูแลประชาชนทั่วประเทศ” นพ.จเด็จกล่าว