ปัญหารถติดในกรุงเทพมหานคร เป็นปัญหาเรื้อรังที่สั่งสมมานาน ในฐานะที่เป็นเมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและคมนาคมของประเทศ กรุงเทพฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตการจราจรที่มากขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกัน ไม่เพียงเวลาที่สูญเสียไป แต่ยังสร้างผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ เพราะจากการคำนวณค่าเสียโอกาสด้านเวลาที่คนกรุงเทพฯ ต้องรถติดอยู่บนถนนคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่าแล้วเกินกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี
ผลการศึกษาจากศาสตราจารย์ Francesca Gino ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยให้เห็นว่า การใช้เวลาเดินทางนานกว่า 38 นาที สามารถส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อนำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ร่วมกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ผู้คนต้องใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยมากกว่านั้นหลายเท่า จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นการระบายความคับข้องใจผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการสำรวจ การกล่าวถึงแยกจราจรในกรุงเทพมหานครที่สร้างปัญหาต่อการเดินทางมากที่สุด ผ่านทางการแสดงความคิดเห็นของชาวโซเชียล ในช่วงวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล DXT360 ซึ่งเป็นระบบติดตามและรวบรวมข้อมูลแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งโซเชียลมีเดียและสื่อดั้งเดิม (เว็บไซต์ข่าว โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร) พบ 5 แยกที่มีการร้องเรียนเรื่องรถติดมากที่สุดในกรุงเทพฯ
5 แยกที่มีการร้องเรียนเรื่องรถติดมากที่สุดในกรุงเทพฯ
“แยกอโศก-เพชรบุรี” รถติดอันดับ 1
กรุงเทพมหานครประสบปัญหาการจราจรติดขัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น จุดที่พบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างชัดเจนมักเป็นแยกสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
แยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดตัดของถนนสายหลักหลายเส้นและมีสัญญาณไฟจราจรหลายจุด ทำให้เกิดการสะสมของปริมาณรถจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นแยกที่ได้รับการร้องเรียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์สูงที่สุด (41.5%)
ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จึงมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน และเป็นแยกที่ได้รับการร้องเรียนมากเป็นอันดับสอง (18.0%)
แยกพระราม 9 (17.8%) และ แยกสาทร-สุรศักดิ์ (15.9%) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่มีอาคารสำนักงานและสถานศึกษาจำนวนมาก ได้รับการร้องเรียนเป็นอันดับที่สามและสี่ตามลำดับ
แยกประตูน้ำ (6.1%) ซึ่งเป็นศูนย์กลางใจกลางเมืองที่มีห้างสรรพสินค้าและแหล่งช็อปปิงหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดอย่างหนาแน่น และได้รับการร้องเรียนเป็นอันดับสุดท้ายในบรรดาแยกที่มีปัญหามากที่สุด
สน.งานหนัก เคลียร์จราจร 5 แยกวิกฤต
การจัดการจราจรในกรุงเทพมหานครอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบหลักของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยมีสถานีตำรวจในแต่ละเขตพื้นที่ ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งทำงานประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ
ประชาชนสามารถแจ้งปัญหาการจราจรได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ที่พบปัญหา โดยแต่ละแยกสำคัญมีสถานีตำรวจที่รับผิดชอบ ดังนี้
- แยกอโศก-เพชรบุรี อยู่ในความดูแลของ สน.มักกะสัน
- ห้าแยกลาดพร้าว อยู่ในความดูแลของ สน.ลาดพร้าว
- แยกพระราม 9 อยู่ในความดูแลของ สน.ห้วยขวาง
- แยกสาทร-สุรศักดิ์ อยู่ในความดูแลของ สน.ยานนาวา
- แยกประตูน้ำ อยู่ในความดูแลของ สน.พญาไท
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาจราจรอย่างยั่งยืนยังต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก สำนักการจราจรและขนส่ง และกรุงเทพมหานคร
บทบาทโซเชียลมีเดียในการรายงานสถานการณ์จราจร
สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ X (Twitter) เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการรับรู้สถานการณ์จราจรในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสามารถรายงานข้อมูลได้แบบทันที ทำให้ประชาชนรับทราบสภาพการจราจรติดขัดหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทาง และสามารถวางแผนเลือกเส้นทางที่เหมาะสมได้ โดยเพจและแอ็กเคานต์ที่รายงานข้อมูลการจราจรอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชน
เพจ Facebook และที่ลงข่าวการจราจรมากที่สุด 5 อันดับ
- FM91 Trafficpro-สวพ.FM91 (26.6%)
- 1197 สายด่วนจราจร (17.3%)
- JS100 Radio-จส.100 (15.1%)
- ถนนมิตรภาพ-รถติดบอกด้วย (6.6%)
- ร่วมด้วยช่วยกัน (4.2%)
รถติดสะสม เทียบเศรษฐกิจสะดุดกว่า 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เคยทำการสำรวจพฤติกรรมและมุมมองของคนกรุงฯ (ปี 2559) ที่มีต่อปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ พบว่าคนกรุงเทพฯ ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานขึ้น 35 นาที/การเดินทาง และเมื่อนำมาคำนวณเป็นค่าเสียโอกาสทางด้านเวลาที่คนกรุงเทพฯ ต้องรถติดอยู่บนถนน แทนที่จะนำเวลานั้นไปสร้างรายได้หรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น คิดเป็นเม็ดเงินมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปี หรือเฉลี่ยประมาณ 60 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นต้นทุนที่ประชากรยอมจ่ายเพื่อแลกกับการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรุงเทพฯ อีกด้วย