“มท.1” จี้ผู้ว่าฯ-นอภ.หาทางป้องกันโกงอาหารเด็ก ชี้เงิน 5 บาท 10 บาท ก็คืองบประเทศ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายที่จะมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในวันนี้ ว่ามีทุกเรื่อง อธิบายง่ายๆ คือ ในฐานะที่ผู้ว่าฯคุมพื้นที่จะคุมผ่านนายอำเภอ อบต. หรือ อปท.อะไรก็แล้วแต่ นอกจากนั้นยังมีงานที่เราเรียกว่า งานฟังก์ชั่นทุกกระทรวงที่ต้องลงไปในพื้นที่ ซึ่งจะต้องคิดว่า ทำอย่างไรจะดี จะต้องเกิดผลเร็ว เช่น งานที่กระทรวงเกษตรลงไปทำ ผู้ว่าฯก็ต้องไปช่วยสนับสนุนเขา ทุกบทบาทของทุกกระทรวงที่ลงไป นอกจากนี้ งานในหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเองก็มี การแชร์ประสบการณ์ก็มีความสำคัญ เช่น บางจังหวัดที่มีประสบการณ์มากก็อยากให้มีการแชร์กัน ในฐานะที่ต้องทำงานทั้งหมดเหล่านี้ผู้ว่าฯต้องทำได้ ต้องรับผิดชอบได้

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้ากรณีการทุจริตอาหารกลางวันเด็ก ว่า เป็นเรื่องที่เราจะได้พูดหารือกันในวันนี้ (8 มิถุนายน) ด้วย ทั้งนี้ อาหารกลางวันทางท้องถิ่นก็จะมีเงินส่วนนี้หัวละ 20 บาทให้กับโรงเรียนตามหัวนักเรียน ความจริงควรเรียบร้อยไม่มีอะไร แต่มีการทุจริต หรือการบริหารไม่ดี ถามว่าใครต้องรับผิดชอบ ความคิดต้นเบื้องต้นคือโรงเรียน ต่อมาคือท้องถิ่น เพราะเป็นคนให้เงินไป ควรมีมาตรการตรวจสอบ ในส่วนของพื้นที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอก็ต้องรับผิดชอบ แต่จะให้ผู้ว่าฯลงไปทุกโรงเรียน ทุกเที่ยง เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ต้องมีมาตรการที่ต้องทำตนจึงจะมาหารือกับผู้ว่าฯทุกจังหวัดโดยตั้งเป้าว่าจะต้องไม่ให้มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการหนึ่งที่จะเสนอผู้ว่าฯ คือ ท่านต้องให้แนวทางกับนายอำเภอ เพราะคนที่จะกำกับตรงนี้ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นนายอำเภอ ท่านต้องรู้ว่าโรงเรียนใดบ้างของท่านที่ต้องเฝ้าระวัง และท่านต้องหามาตรการดูแล ส่วนตัวท่านเองอาจจะลงไปสุ่มตรวจบ้าง ซึ่งจะมีผู้ที่ช่วยท่านได้คือภาคเอกชน ผู้ประชาชน ภาคประชาชน ถ้ามีอาการไม่ดีจะได้ดำเนินการแก้ไขตรงนั้น ตนอยากวางมาตรการเหล่านี้ไว้ เพราะโรงเรียนมีจำนวนมาก หากไม่วางมาตรการคุมไว้จะเกิดข้อพิพาทเช่นนี้

เมื่อถามว่า งบต่อหัวคือ 20 บาท ซึ่งเป็นจำนวนน้อย อาจถูกปล่อยผ่าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะ 5 บาท 10 บาท มีค่าทั้งนั้น เพราะเป็นงบของประเทศชาติ และเด็กนักเรียน น่าสงสารเขานะ ซึ่งก็ต้องทำเต็มที่ให้ส่วนนั้น แต่โรงเรียนที่ดีก็มี คือมีงบเท่านี้แต่มีการเลี้ยงไก่เอาไข่มาทำอาหารก็มี แต่สังคมก็คงไม่ทราบ เพราะเห็นแต่ที่มีเรื่อง และหากนายอำเภอรู้ว่ามีโครงการเหล่านี้เขาก็หามาตรการมาเสริม ทั้งนี้ ภาคประชาชน และสังคมน่าจะช่วยได้มาก สื่อก็ช่วยได้ หากท่านไปเจอที่ไหนแล้วมาบอกว่าทุจริต เพราะการช่วยกันดู ช่วยกันป้องกันเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องโดยสุจริตใจ แบบนั้นตนชอบ ตนจะรับแล้วหาทางแก้ไข

 

ที่มา : มติชนออนไลน์