Doc Club & Pub. หยุดฉายหนัง แนะแก้กฎหมาย เปิดโอกาสโรงหนังเล็ก

Doc Club and pub ปิดบริการ ฉายหนัง

Doc Club & Pub. หยุดให้บริการฉายภาพยนตร์ หลัง ‘โรงหนังเล็ก’ ไม่อยู่ในนิยามที่อนุญาตตามกฎหมายเกี่ยวกับโรงมหรสพ ชี้มีอุปสรรคหลายด้าน แนะแก้กฎหมายใหม่ เพื่อเปิดโอกาสโรงหนังขนาดเล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Doc Club & Pub. พื้นที่ส่งเสริมหนังนอกกระแส แจ้งยุติการให้บริการส่วนการฉายภาพยนตร์ หลังจากพบว่าโรงหนังขนาดเล็ก หรือ micro cinema มีปัญหาในการขออนุญาตเป็นโรงมหรสพ ตามกฎหมายปัจจุบัน ที่กำหนดเกณฑ์ขออนุญาตฯ เฉพาะพื้นที่อาคารขนาดใหญ่

ที่ผ่านมา Doc Club & Pub. มีความพยายามในการผลักดันการแก้กฎหมายขออนุญาตโรงมหรสพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเห็นว่าจำเป็นที่สุดที่จะต้องถูกแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อให้พื้นที่ฉายหนังขนาดเล็กเกิดขึ้นได้อย่างเป็นอิสระ หรืออย่างน้อยก็อยู่ภายใต้กฎกติกาที่เหมาะสม และมุ่งส่งเสริม ไม่ใช่มุ่งปราบปรามทำลาย

ขณะเดียวกัน Doc Club & Pub. แจ้งว่า ในส่วนของคาเฟ่ และการจัดกิจกรรมอื่น ๆ ยังคงให้บริการตามปกติ ควบคู่กับการหาสถานที่ใหม่ เพื่อให้สามารถกลับมาบริการฉายหนังได้ตามเดิม

ทั้งนี้ รายละเอียดฉบับเต็มที่ Doc Club & Pub. เผยแพร่บนเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุไว้ ดังนี้

เพื่อน ๆ คะ เรามีเรื่องต้องแจ้งให้ทราบค่ะ

ADVERTISMENT

Doc Club & Pub. ต้องหยุดให้บริการในส่วนของการฉายภาพยนตร์ลงแล้วค่ะ

(ในส่วนของคาเฟ่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ สามารถแวะมาช่วยสนับสนุนพวกเราได้นะคะ สำหรับใครที่ยังไม่เคยมา เราคิดว่านี่คงเป็นโอกาสเหมาะที่จะลองแวะมานะคะ ส่วนใครที่ไม่ได้แวะมานานแล้วก็แวะมาเยี่ยมชมกันได้นะคะ)

ADVERTISMENT

ขออนุญาตลำดับเหตุผลดังนี้นะคะ (ขอโทษมาก ๆ ค่ะที่ยาวหน่อย)

  1. เราเข้ามาทำพื้นที่ส่วนนี้ต่อจากเจ้าของเดิมที่ตัดสินใจเลิกกิจการไปในช่วงโควิด-19 เนื่องจากเรามีความใฝ่ฝันอยากมีสเปซฉายหนังนอกกระแสและหนังสารคดีเป็นของตัวเองมานานแล้ว และน่าเสียดายหากที่ที่มีความพร้อมด้านองค์ประกอบต่าง ๆ แทบทุกอย่างแห่งนี้จะต้องถูกรื้อถอนทิ้งไป

__

  1. แต่แม้เราจะทำงานเกี่ยวข้องกับหนังกันมานาน เราก็ขาดความรอบรู้เพียงพอในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำที่ฉายหนัง อันเป็นกิจการที่เราไม่เคยทำมาก่อน หนึ่งในนั้นคือการไม่รู้ว่าที่นี่ยังขาดการขออนุญาตการเป็นโรงมหรสพ

__

  1. เราทำงานด้วยความไม่รู้นั้นมาเรื่อย ๆ จนเมื่อเราจัดฉายหนังเรื่องหนึ่งที่ได้เรต 20+ ทำให้เจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจว่าเราควบคุมการเข้าชมของผู้ชมถูกต้องหรือไม่ และวันนั้นเองที่ทำให้เราถูกถามเรื่องการขออนุญาตเป็นโรงมหรสพดังกล่าวพ่วงไปกับการตรวจด้วย เมื่อได้รู้แล้วเราจึงลงมือดำเนินการจัดเตรียมเอกสารแล้วไปยื่นขอตามที่เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ

__

  1. ในช่วงระยะเวลาร่วมปีที่คาบเกี่ยวกันนั้น เป็นช่วงที่พวกเรากำลังพยายามมีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า micro cinema หรือโรงภาพยนตร์/ที่ฉายหนังขนาดเล็ก ๆ ทั่วประเทศ เพราะตลอดการทำงานที่ผ่านมา เราพบว่ามีสเปซมากมายในหลากหลายจังหวัดที่อยากนำหนังนอกกระแสไปเผยแพร่ มีกลุ่มผู้ชมที่ไม่สามารถพบเจอหนังเหล่านี้ในโรงทั่วไปและเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ชม เราจึงพยายามส่งหนังของเราไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างวัฒนธรรมแห่งการชมหนังด้วยกันอย่างหลากหลายและเป็นอิสระ เพราะเราเชื่อว่านี่แหละคือรากฐานที่สำคัญของการมีอุตสาหกรรมหนังที่แข็งแรง

__

  1. และเป็นเพราะการทำงานในข้อ 4 นี้เอง ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดที่จะทำให้ micro cinema เกิดขึ้นได้ยากนั้น ไม่ใช่เรื่องของโลเกชั่น ทุน หรือแม้แต่คอนเทนต์ มากเท่ากับการที่ พ.ร.บ.ภาพยนตร์และกฎกระทรวงในปัจจุบันซึ่ง “ใช้หลักเกณฑ์ในการอนุญาตตัวอาคารและโรงมหรสพ เกณฑ์เดียวกันทั้งหมด” ไม่ว่าจะเป็นโรงขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ หรือห้องฉายหนังเล็กจิ๋วในอาคารห้องแถว ทั้งเรื่องการกำหนดระยะทางเดิน ความกว้างของบันได ฯลฯ

หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือ อาคารที่เราตั้งอยู่และอาคารโดยทั่วไปส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นในประเทศนี้จะไม่สามารถได้รับอนุญาตให้เป็นที่ตั้งของห้องฉายหนังได้เลย สิ่งที่เรียกว่า “โรงหนังห้องแถว” ไม่สามารถมีอยู่จริงได้ในบริบทนี้ และสำหรับประเทศของเรา โรงมหรสพจะเกิดขึ้นได้ก็เฉพาะในอาคารที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เท่านั้น

น่าสนใจที่ในอารยประเทศ หรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม เขาไม่นับโรงเล็กเหล่านี้ว่าเป็น “โรงมหรสพ” ค่ะ

__

  1. มีเรื่องเล่าเพิ่มเติมเล็กน้อยค่ะว่า ในวันที่เราไปยื่นเอกสารขอจดเป็นโรงมหรสพและถูกท้วงติงกลับมาว่ายังขาดใบอนุญาตอาคารนั้น เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลด้วยว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีที่ฉายหนังแบบเราไปขออนุญาตมาก่อนเลย จึงสงสัยอยู่เหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไร

__

  1. หลังจากนั้น เราได้พยายามสื่อสารถึงอุปสรรคข้อนี้ออกไปในที่สาธารณะและเวทีพูดคุยเรื่อง micro cinema ต่าง ๆ โดยนำเสนอความคิดเรื่องการปรับแก้กฎกระทรวงให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นไปยังผู้ที่อาจจะเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี ความพยายามของเราไม่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ทันการ ไม่กี่วันหลังจากไปพูดบนเวทีดังกล่าว เราก็ได้รับจดหมายจากกระทรวงแจ้งว่า พวกเราทำการเปิดกิจการฉายหนังโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่งซึ่งสูงพอสมควร (โชคยังดีเล็กน้อยที่คำตัดสินให้เลือกได้ว่าจะถูกลงโทษด้วยการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะแทนก็ได้หากไม่มีเงิน ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเลือกข้อนี้)

__

  1. นั่นเป็นจดหมายฉบับแรกค่ะ เรายังพยายามเสนอความคิดเรื่องการแก้กฎหมายต่อไปเพราะหวังว่าอย่างน้อย หลังจากนี้ทั้งเราและทุกคนควรจะมีโอกาสได้ทำที่ฉายหนังเล็ก ๆ ได้เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการดูหนังได้ แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น จดหมายฉบับที่สองซึ่งว่าด้วยตัวอาคารก็ตามมา พร้อมคำสั่งให้เราหยุดการฉายภาพยนตร์

__

  1. ดังนั้น Doc Club & Pub. จึงจำเป็นต้องหยุดให้บริการเฉพาะในส่วนของการฉายภาพยนตร์และจำหน่ายบัตรดังที่ทำอยู่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่เรายังเปิดส่วนคาเฟ่ตามปกติ และจะยังจัดกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ พร้อมกับมองหาอาคารสถานที่แห่งใหม่ที่จะเอื้อให้เรากลับมาทำพื้นที่ฉายภาพยนตร์เล็ก ๆ ได้ค่ะ

อย่างไรก็ตาม เรายังขอยืนยันว่ากฎหมายที่มีอยู่นั้น จำเป็นที่สุดที่จะต้องถูกแก้ไขโดยเร่งด่วน เพื่อให้พื้นที่ฉายหนังขนาดเล็กเกิดขึ้นได้อย่างเป็นอิสระ หรืออย่างน้อยก็อยู่ภายใต้กฎกติกาที่เหมาะสม และมุ่งส่งเสริม ไม่ใช่มุ่งปราบปรามทำลาย

__

  1. สุดท้ายนี้ เราขอขอบคุณทุก ๆ ท่านมาก ๆ นะคะที่กรุณาสนับสนุน Doc Club & Pub. มาโดยตลอด หากไม่มีทุกท่าน เราก็ไม่สามารถจะยืนอดทนมาจนถึงตอนนี้ได้แน่นอน และต้องขออภัยอย่างที่สุดที่ความอ่อนด้อยทำให้เราเดินมาถึงได้แค่ตรงนี้

แต่หากสิ่งที่เราทำยังพอมีความสำคัญสำหรับท่าน เราก็จะพยายามหาโอกาสเผยแพร่หนังดี ๆ อีกจำนวนมากที่เราติดต่อไว้ และทำกิจกรรมอีกหลายอย่าง รวมถึงเทศกาลหนังที่เราวางแผนไว้ค่ะ

ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ

ทีมงาน Doc Club & Pub.