
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อบัญญัติ กทม. ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.45 หมื่นล้านบาท จ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้แก่ BTS ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันนี้ (18 ธ.ค. 2567)
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. 2567 ระบุว่า โดยที่กรุงเทพมหานครมีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ประกอบกับข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2562 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564
กรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร จึงตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้เรียกว่า “ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. 2567”
ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. 2567 ให้ตั้งเป็นรายจ่ายพิเศษ จำนวน 14,549,503,800 บาท ตามรายละเอียดเอกสารงบประมาณ โดยจำแนก ดังนี้
งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
- สำนักการจราจรและขนส่ง รวม 14,549,503,800 บาท
- งบประมาณภารกิจประจำพื้นฐาน 14,549,503,800 บาท
- ผลผลิตระบบขนส่งมวลขนกรุงเทพ 14,549,503,800 บาท
ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครควบคุมการใช้จ่ายเงินและการบริหารงบประมาณตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
ข้อ 5 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรักษาการตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้
ประกาศ ณ วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ย้อนที่มา ตั้งงบฯ 1.45 หมื่นล้าน จ่ายหนี้ BTS
สำหรับข้อบัญญัติดังกล่าว เกิดขึ้นจากการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 1) ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้ว่าฯ ชัชชาติได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ. 2568 พ.ศ. … โดย กทม.เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. … จำนวน 14,549,503,800 บาท จากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร เนื่องจาก กทม.มีความประสงค์ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
สถานะการเงินการคลังของ กทม. ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 กทม.มีเงินฝากธนาคารเป็นเงิน 96,010.04 ล้านบาท แบ่งเป็น รายรับหักรายจ่ายสุทธิ 4,326.23 บาท เงินนอกงบประมาณที่มีภาระผูกพัน 1,602.12 ล้านบาท เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีที่ยังไม่เบิก 1,696.22 ล้านบาท เงินสะสมกรุงเทพมหานครคงเหลือ 64,019.05 ล้านบาท ทุนสำรองเงินคงคลังกรุงเทพมหานคร 9,366.42 ล้านบาท
ขณะที่ภาระหนี้ตามโครงการต่อเนื่องที่ได้ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 67 มีรายละเอียดคือวงเงินสูงกว่า 1,000 ล้านบาท มี 5 หน่วยงาน 32 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาจำนวนคงเหลือ 61,659.69 ล้านบาท โครงการที่มีวงเงินตั้งแต่ 500-1,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 หน่วยงาน 29 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 11,516.85 ล้านบาท โครงการที่มีวงเงินต่ำกว่า 500 ล้านบาท จำนวน 21 หน่วย 117 โครงการ มีภาระผูกพันตามสัญญาคงเหลือจำนวน 7,348.13 ล้านบาท
สถานะเงินสะสมประจำปีงบประมาณ 2568 ณ วันที่ 1 พ.ย. 67 จำนวน 81,436.90 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี 17,198.31 ล้านบาท ภาระผูกพันและการสำรองเงินที่ทำให้ยอดสะสมเงินลดลง จำนวน 3,399.63 ล้านบาท เงินสำรองสะสมกรุงเทพมหานคร ตามกฎหมาย จำนวน 6,500 ล้านบาท กันไว้สำหรับจ่ายกรณีสาธารณภัย 5,433.89 ล้านบาท คาดการณ์การใช้จ่ายในปี 2568 กรณีจัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอ 10,600 ล้านบาท เงินสะสมที่ปลอดภาระผูกพัน 38,305.07 ล้านบาท
จึงอาศัยความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. … จำนวน 14,549,503,800 บาท โดยจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญคือการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง ศาลปกครองสูงสุดได้แจ้งว่า เรื่องการชี้มูลจาก ป.ป.ช.ได้พิจารณาอยู่ในหลักฐานการพิจารณาคดีเรียบร้อยแล้ว กทม.จึงไม่มีเหตุผลที่จะยื่นให้ศาลพิจารณาใหม่อีกครั้ง ส่วนเรื่องเอกสารชี้มูลจาก ป.ป.ช.ได้แจ้งขอเปิดเผยขอข้อมูลจาก ป.ป.ช.แล้ว แต่ ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้เปิดเผย
ซึ่งการชี้แจงจากศาลปกครองสูงสุด ทำให้ กทม.มีความสบายใจที่จะชำระหนี้อย่างถูกต้อง ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด เพราะได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ กทม.ไม่ได้กังวลเรื่องดอกเบี้ย แต่ให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างถูกต้องมากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า นอกจากหนี้ส่วนดังกล่าวแล้ว ยังมีส่วนอื่นอีกรวมประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ที่ กทม.ต้องชำระ รวมดอกเบี้ยกว่าวันละ 7 ล้านบาท จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่สภา กทม.ควรเห็นชอบในการอนุมัติวงเงินเพื่อให้ กทม.นำไปชำระหนี้ เพราะผู้ว่าฯ กทม.ไม่มีอำนาจนำเงินไปใช้ และหากเรื่องนี้ยังดำเนินการช้า กทม.จะยิ่งเสียดอกเบี้ยมากขึ้น แต่หากเร่งชำระหนี้จำนวนดังกล่าวในวันนี้ จะช่วยประหยัดเงินกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมสภา กทม.มีมติเห็นชอบร่างญัตติดังกล่าว จำนวน 37 คน พร้อมตั้งคณะกรรมการวิสามัญร่างข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปี พ.ศ. 2568 พ.ศ. … จำนวน 24 คน โดยใช้เวลาพิจารณา 45 วัน กำหนดแปรญัตติ 10 วัน
ข้อมูลจาก มติชน