ครบรอบ 20 ปี คลื่นยักษ์สึนามิ ‘ทักษิณ’ เปิดใจย้อนเบื้องหลังสั่งการกู้วิกฤต

“ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดใจย้อนถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ เมื่อปี 2547 หลังเวียนครบรอบ 20 ปี เผยเบื้องหลังบัญชาการกู้วิกฤต จับตาเรนบอมบ์ ภัยพิบัติใหม่ เป็นเรื่องน่ากลัว

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดใจย้อนถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 47 เนื่องในวันครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์นี้ว่า

“วันเกิดสึนามิ ผมอยู่ จ.ขอนแก่น กำลังไปหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนรับรายงานว่าเกิดสึนามิใน จ.ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง ตอนนั้นยอมรับว่ายังไม่รู้เลยว่า สึนามิแปลว่าอะไร ก่อนได้รับคำอธิบายแบบละเอียดขึ้น เมื่อเดินทางไปถึง จ.ภูเก็ตแล้วว่า เกิดการแยกของเปลือกโลก วันนั้นรู้อย่างเดียวว่าสถานการณ์หนักมาก แล้วที่สำคัญอีกอย่างคือ ได้รับแจ้งจาก ผบ.ตร.ในขณะนั้นว่า คุณพุ่ม เจนเซ่น หายตัวไป โดยไม่รู้ถูกคลื่นพัดหายไปตรงไหนและยังหาไม่เจอ ผมเลยต้องช็อกเป็นพิเศษ เพราะทั้งเรื่องของประชาชนทั่วไป เรื่องของประเทศ และผมขอใช้คำว่า หลานของพระเจ้าอยู่หัวหายไปด้วย ตอนนั้นผู้คนไม่ซีเรียสเท่าไร ผมเลยบอกไปว่าเข้าใจคำว่า หลานของพระเจ้าอยู่หัวหายไปหรือไม่ จึงให้ไปตามกันมาให้ได้”

“จังหวะนั้นพอดีผมต้องไปอีกที่หนึ่งด้วย จำได้ว่าเป็นที่จ.มหาสารคาม เพราะต้องรอให้สนามบินภูเก็ตเปิดด้วย พอสนามบินภูเก็ตเปิด ผมก็นั่งเครื่องบินของกองทัพอากาศ บินจากจ.ขอนแก่นไปจ.ภูเก็ตทันที เมื่อลงเครื่องบินก็เรียกประชุมทันที เพราะสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยคือ เราแบ่งกระทรวงเป็นฟังก์ชั่น ถ้าต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างทำ ไม่มีเจ้าภาพและไม่มีใครไล่จี้การทำงานร่วมกัน จะไม่มีทางสำเร็จ ผมจึงนั่งเป็นหัวหน้าเอง และต้องมาดูว่าแต่ละพื้นที่ที่เกิดความเสียหายก็จะส่งรัฐมนตรีไปประจำ เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครประสานงานระหว่างกระทรวง ก่อนให้รายงานผมกลับมา”

“ตอนนั้นผมไปนอนที่ จ.ภูเก็ต 2 คืน หลังจากนั้นก็ไป ๆ มา ๆ โดยมีแต่ละปัญหา ปัญหาแรกคือ ต้องช่วยคนเป็นก่อน ปัญหาที่สองคือ หาคนตายให้ได้และรู้ว่าเป็นใคร และปัญหาที่สามคือ การฟื้นฟู วันนั้นผมคิดอย่างเดียวทั่วโลกจับตามอง เพราะฉะนั้นเราอย่าเอาเหตุการณ์เหล่านี้ไปขอรับบริจาคเด็ดขาด ผมก็ประกาศทันทีจะไม่ขอรับบริจาคทางการเงินจากที่ไหนทั้งสิ้น และยินดีต้อนรับการช่วยเหลือทางเทคนิค เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดใหม่และเราไม่ชิน ใครมีเทคนิคอะไรดี ๆ มาช่วยเรา เราก็ยินดีต้อนรับ ทำให้นานาชาติสนใจเป็นพิเศษ ทุกคนเลยต่างตื่นเต้นและมาช่วยกัน”

ADVERTISMENT

“สิ่งที่เป็นเรื่องลึก ๆ ของผมคือว่า ผมเป็นห่วงชื่อเสียงประเทศไทย เพราะชาวต่างชาติมาตายเยอะหลายคน กลัวการท่องเที่ยวจะพัง เลยต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสมองทุกฝ่ายมาช่วยกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็ทำได้ดีหมด อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นนายกฯอยู่ ให้ความสนใจและไปดูติดตามตลอด เวลาผมไปหาศพ ผมยังต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงแต่ละที่ ทั้งเกาะพีพี เมื่อบินยังไม่ทันลงเลย กลิ่นศพก็ฟุ้งขึ้นมา คุณหญิงก็ไปช่วยดูเรื่องของยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต ส่งคนไปช่วยและให้กำลังใจคนที่ไปทำงานกัน คือเราช่วยกันทุกฝ่าย วันนั้นทุกภาคส่วนรู้สึกว่าต้องช่วยกัน สิ่งสำคัญคือเราสามารถดึงความสนใจและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในประเทศไทยมาได้”

“สำหรับขั้นตอนการช่วยคนเป็นหรือรอดชีวิตก่อนนั้น เหตุการณ์ตอนนั้นผมเรียงลำดับแบบนี้ว่า คนเป็นและไม่เจ็บป่วยส่งกลับเดี๋ยวนั้นเลย ให้เขาได้กลับไปหาครอบครัวเขาเลย พาสปอร์ตหายไม่เป็นไร เราส่งกลับไปก่อน โดยออกเอกสารสำคัญให้หมด ซึ่งต้องจัดการให้รวดเร็ว ก่อนใช้เครื่องบินของทหารนำส่งจากภูเก็ตไปกรุงเทพฯ พร้อมออกตั๋วเครื่องบินให้ เราซื้อให้หมด นี่คือสิ่งแรกที่ผมทำ”

ADVERTISMENT

“ส่วนสิ่งที่สองคือ คนเจ็บคนป่วย เอามารักษาโดยด่วน ถ้ารักษาในพื้นที่ไม่พอ ให้นำส่งมารักษาในกรุงเทพฯ ส่วนสิ่งที่สามคือ คนตาย ก็ต้องมาช่วยกันหาศพให้ได้เยอะที่สุด เพราะตอนนั้นคนหายประมาณ 5 พันคน แต่เราเพิ่งหาได้ 1 พันคน ก็ต้องตามหาและพิสูจน์ให้รู้ว่าใครเป็นใคร จะได้ส่งศพกลับไปหาญาติ นั่นคือสิ่งที่ผมเรียงลำดับในเหตุการณ์ตอนเกิดสึนามิ”

“การช่วยเหลือและส่งตัวนักท่องเที่ยวกลับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายนั้น ตอนนั้นต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีเงิน หลังจากเราฟื้นเศรษฐกิจได้ เราก็รู้สึกว่าการใช้เงิน เพื่อภาพลักษณ์ของเราให้ดี เห็นว่าเราเป็นประเทศมีมนุษยธรรมสูง ก็ไม่เป็นไร ก็อนุมัติค่าใช้จ่ายให้”

“เหตุการณ์ตอนเกิดสึนามิ ช่วงเดือนแรกหนักที่สุด เพราะตอนนั้นไฟฟ้าและโทรศัพท์ไม่มี ผมต้องตั้งไฟฟ้าและระบบโทรศัพท์ชั่วคราวขึ้นมา โดยคืนที่ผมไปตามหาคุณพุ่ม เจนเซ่น คืนแรกที่ผมไปถึง รู้ว่าท่านอยู่โรงแรมนี้ที่เขาหลักและถูกน้ำพัดไป แต่ตอนนั้นมืดมาก ก่อนผมจะไปเจอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ตอนนั้นท่านเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เสด็จด้วยกัน นั่งรถกระบะตำรวจ ไปเจอกันกลางมืด แล้วผมก็ไปรถเลกซัส เอสยูวี โดยไปกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในตอนนั้น ซึ่งไปเจอท่านโดยบังเอิญ ก็ไปกราบพระบาทท่านแล้วถวายรายงาน และขออนุญาตเปลี่ยนรถท่าน โดยเราไปนั่งกระบะตำรวจแทน และให้ท่านเสด็จมานั่งรถเอสยูวี ก่อนท่านจะเสด็จกลับไปบรรทม ส่วนผมและนายสุวิทย์ก็ออกตรวจพื้นที่ต่อ จนกระทั่ง 8 โมงเช้า นายสุวิทย์โทร.มาแจ้งเจอคุณพุ่มแล้ว ผมก็รีบไปทันที วันนั้นต้องทันทีทันใดหมดทุกอย่าง”

ก่อนหน้าจะเกิดภัยพิบัติสึนามิ ยอมรับไม่เคยศึกษาเรื่องภัยพิบัติเช่นนี้มาก่อน อันนี้เป็นการบริหารในภาวะวิกฤตทั่วไป เหมือนมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราก็ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว โดยสมองเราก็เรียงลำดับความสำคัญก่อน อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชาที่เผาสถานทูตไทย ผมถือว่าอันดับแรก คือ ความปลอดภัยของคนไทยที่อยู่ตรงนั้น ก่อนจัดลำดับความสำคัญสิ่งนั้นก่อน การบริหารและจัดลำดับในภาวะวิกฤตถือว่าสำคัญมาก เพราะเราไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้ เนื่องจากทรัพยากรที่มีอยู่อาจจำกัด ต้องไปจัดการกับสิ่งที่ต้องแก้ด่วนก่อน

การแก้ปัญหาในภาวะฉุกเฉิน ระบบราชการถือว่าเป็นอุปสรรค ทุกวันนี้ยิ่งหนักกว่าเดิม เพราะวันนี้ระบบราชการเราใหญ่เทอะทะขึ้น และการที่รัฐบาลทหารเปลี่ยนกฎหมาย ให้อำนาจกระทรวงไปอยู่ที่ปลัดกระทรวงคนเดียว เรียกได้ว่าถ้าคุยกับปลัดกระทรวงไม่รู้เรื่อง งานก็ไม่ต้องเดินแล้ว ดังนั้นต้องใช้ความเป็นผู้นำ แต่ความเป็นผู้นำไม่ใช่คุยกันรู้เรื่องอย่างเดียว ต้องมีความรู้ความสามารถให้เขานับถือด้วย ไม่เช่นนั้นเราไปพูดกับเขา ในใจเขาอาจจะดูถูก อันนี้สำคัญ ดังนั้นในอนาคตคนจะเป็นนักการเมืองต้องใฝ่รู้ใฝ่เรียน

ส่วนขั้นตอนการฟื้นฟูนั้น ผมได้ไปขอผู้ว่าการแบงก์ชาติในขณะนั้น ให้ออกซอฟต์โลนให้กับนักธุรกิจและโรงแรม เพื่อให้เขาฟื้นขึ้นมา จึงทำให้การฟื้นตัวเร็วมาก แล้วผมก็ให้งบฯกลางและงบฯพิเศษต่าง ๆ ให้กรมทางหลวง และไฟฟ้า เพื่อให้เร่งฟื้นโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมา ขณะเดียวกันโรงแรมก็เร่งซ่อมแซมแก้ไข ใช้เวลา 1 ปีของเราก็กลับมาสู่ปกติ เราเสียไป 1 ซีซั่น

สำหรับการช่วยเหลือจากต่างประเทศ มีการช่วยเหลือในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และเรื่องของการค้นหาผู้เสียชีวิต ซึ่งได้ศพขึ้นมาเยอะ ถึงแม้จะไม่ครบ และเทคนิคเรื่องการสัญญาณเตือนภัย เพราะเมื่อก่อนยอมรับไม่มีเรื่องนี้

“พอเราประกาศไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ อินเดียก็ประกาศตามมา โดยอินเดียก็โดนพอ ๆ กับไทย ซึ่งการประกาศขอรับความช่วยเหลือกับการไม่ประกาศขอรับความช่วยเหลือนั้น ส่วนตัวมองว่าสังคมโลกทุนนิยม ชอบคบคนรวย ไม่ชอบคบคนจน เราไม่ได้รวย แต่เราบอกว่าเราไม่จนละกัน บางทีต้องเท่ไว้ก่อน สมมุติเราไปคุยกับธนาคาร ไปถึงขอกู้สัก 1 แสน คงคุยไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าบอกขอกู้ 1 พันล้านจะคุยง่าย ตอนนั้นผมประเมินแล้วด้วยว่า จีดีพีเราโต 6 เปอร์เซ็นต์กว่า ๆ ถึงโต 7 เปอร์เซ็นต์ เราไม่กลัวอะไรหรอก”

ขณะที่ภาวะของโลกตอนนี้ก็มีความแปรปรวน ตอนนี้ผมก็เพิ่งรับรู้มาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ ไม่ใช่ป่าไม่สมบูรณ์อย่างเดียว แม้ป่าสมบูรณ์ก็มีดินสไลด์ได้ เพราะฝนตกแบบวนที่เดียว เมื่อก่อนลมพัดเมฆไป ฝนก็ตกไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ฝนตกที่เดียวหรือเรียกว่า เรนบอมบ์ โดยเกิดขึ้นบ่อยมาก อย่างที่เกิดขึ้นในภาคใต้ด้วย ที่ฝนตกถึง 500 มิลลิเมตร ปกติฝนตก 100 มิลลิเมตรก็ถือว่าหนักแล้ว อันนี้ถือว่าน่ากลัว

แต่วันนี้มีคนเสนอมาว่า เอไอ สามารถทำนายก่อนได้ วันก่อนที่เจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ NVIDIA เดินทางมาไทย ก็ขอให้ช่วยดูเรื่องภาวะโลกร้อน โดยใช้เอไอในประเทศไทย ซึ่งเจนเซ่น หวง ก็รับปากจะดูให้ ซึ่งสถานการณ์ทางธรรมชาติเราอาจแก้ไม่ได้ แต่เราป้องกันได้ เพื่อให้ความสูญเสียน้อยลง