
คลังยันแจกเงิน 10,000 บาท เฟสสอง ผู้สูงอายุ โอนเงินเข้าบัญชี 27 ม.ค.นี้แน่นอน ส่วนแจกเงินหมื่นเฟส 3 คาดแจกได้ไตรมาส 2-3 หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโลว์ซีซั่น รัฐบาลเตือนอย่าลืมผูกบัญชีพร้อมเพย์ และเช็กสิทธิวันสุดท้าย 22 ม.ค.นี้
วันที่ 21 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความพร้อมในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงิน 1 หมื่นบาทในเฟสที่ 2 ว่า ขณะนี้โครงการมีความพร้อมอย่างมาก โดยจะมีการเปิดให้ตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ส่วนในวันที่ 27 ม.ค.ประชาชนที่ได้รับสิทธิจะได้รับเงินเข้าบัญชีตามกำหนด

ส่วนการแจกเงินในเฟสที่ 3 ให้กับประชาชนที่ได้มีการลงทะเบียนแล้ว ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีนายทักษิณ ชินวัตร ได้ระบุว่าจะแจกเงินภายในเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้นั้น นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ถือว่าใกล้เคียงกับไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ เพราะอย่างที่บอกว่าอยากจะให้เงินลงไปในช่วงที่เหมาะสมในช่วงที่เป็นโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงไตรมาส 2-3 ซึ่งรัฐบาลวางแผนว่าจะทำงานเพื่อให้เม็ดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจในช่วงนั้นอยู่แล้ว
“กรอบในการทำงานเรื่องของดิจิทัลวอลเลตซึ่งเป็นการแจกเงินหมื่นเฟสที่ 3 ตอนนี้วางแผนไว้ว่าเป็นไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องมีเม็ดเงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เป็นโลว์ซีซั่น” นายเผ่าภูมิกล่าว
เมื่อถามว่าในส่วนของระบบและแอปพลิเคชั่นทางรัฐมีความพร้อมหรือไม่ นายเผ่าภูมิกล่าวว่า จะให้มีความพร้อมทันกับช่วงเวลาดังกล่าวตามที่รัฐบาลวางแผนไว้
เช็กสิทธิวันสุดท้าย 22 ม.ค.
วานนี้ (20 ม.ค. 68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยภาครัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาท ในเฟส 2 นี้ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปกว่า 4 ล้านคนนั้น ขอย้ำเตือนผู้ที่มีสิทธิตามโครงการ เร่งตรวจสอบสิทธิใน 2 วันสุดท้ายให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 22 มกราคม รวมถึงดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิ เพื่อรอรับการจ่ายเงินในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568
“หากผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่สะดวกหรือไม่เชี่ยวชาญในเรื่องการลงทะเบียน รัฐบาลขอความกรุณาให้ลูกหลานหรือคนในครอบครัวช่วยเร่งตรวจสอบและดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อรอรับการจ่ายเงินในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568” นางสาวศศิกานต์กล่าว
สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข สามารถตรวจสอบสิทธิการได้รับเงินในโครงการผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ได้ตั้งแต่วันพุธที่ 22 มกราคม 2568 นี้เป็นต้นไป ด้วยวิธีการดังนี้
วิธีตรวจสอบสิทธิเงินหมื่น
1.เปิดแอปทางรัฐ เข้าสู่ระบบให้เรียบร้อย จากนั้นกดปุ่มตรวจสอบสถานะ
2.ระบบจะขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล และขอยืนยันเบอร์โทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน ให้กดปุ่มยืนยันข้อมูล
3.กรอกเบอร์โทรศัพท์และกดปุ่มรับรหัสทาง SMS (OTP)
4.กรอกรหัส OTP และกดปุ่มยืนยันโทรศัพท์มือถือ
5.กดปุ่มอนุญาตให้แอปพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
6.ระบบจะแสดงผลสถานะในการรับสิทธิตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่าอยู่ในขั้นตอนใด หากอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือระบบอยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ หากอยู่ในขั้นตอนที่ 4 คือไม่ได้รับสิทธิ หากอยู่ในขั้นตอนที่ 5 คือได้รับสิทธิตามโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท
“การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการขยายผลกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่กลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น” นางสาวศศิกานต์กล่าวและว่า
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการตามความจำเป็นของตน ช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ การดำเนินโครงการจะช่วยส่งเสริมความอยู่ดีมีสุข (Well-Being) ของผู้สูงอายุให้ดีขึ้นรอบด้านอีกด้วย
คุณสมบัติกลุ่มเป้าหมาย
จะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 สำเร็จ (ลงทะเบียนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สำเร็จ) ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 (เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507) และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้
1.ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
2.ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567
3.ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
4.ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
5.ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
ตารางจ่ายเงิน 10,000 บาท เฟส 2 รอบจ่ายซ้ำ
เปิดตารางจ่ายเงิน 10,000 บาท เฟส 2 รอบเก็บตก ผู้สูงอายุจ่ายซ้ำ 3 รอบเท่านั้น
รอบจ่ายซ้ำครั้งที่ 1 จ่ายเงิน 28 กุมภาพันธ์ 2568 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568
รอบจ่ายซ้ำครั้งที่ 2 จ่ายเงิน 28 มีนาคม 2568 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 25 มีนาคม 2568
รอบจ่ายซ้ำครั้งที่ 3 จ่ายเงิน 28 เมษายน 2568 ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนภายในวันที่ 23 เมษายน 2568
6.ผู้ได้รับสิทธิในโครงการสามารถตรวจสอบผลการจ่ายเงินว่าตนได้รับโอนเงิน 10,000 บาท สำเร็จหรือไม่ ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ได้ในวันถัดจากวันที่รัฐจ่ายเงิน (แสดงผลการจ่ายเงินครั้งแรกในวันที่ 28 มกราคม 2568)
นายเผ่าภูมิกล่าวเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุที่ประเมินว่าตนเองมีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ เร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนว่ายังสามารถใช้งานได้หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว กระทรวงการคลังจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการ
ช่องทางการสอบถามข้อมูล
ช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิ และผลการได้รับเงินในโครงการ แอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ”
-เว็บเพจรวบรวมข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโครงการ เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th แบนเนอร์โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
-Call Center สำหรับสอบถามข้อมูลโครงการ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน สายด่วน 1111