สกลนครยังเฝ้าระวังน้ำอย่างใกล้ชิด หลังน้ำใน’เขื่อนน้ำอูน’ยังล้นสปิลเวย์

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สกลนคร พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เขื่อนน้ำอูน ความจุ 522 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุ 638 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 123 ส่งผลให้ปริมาณน้ำจำนวนมากล้นสปิลเวย์ของเขื่อนไหลลงสู่ด้านล่างส่งผลกระทบให้พื้นที่ท้ายเขื่อนโดยเฉพาะ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้รับความเสียหายหลายจุด โดยเจ้าหน้าที่ชลประทานได้ติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์ไม่ปลอดภัยจะได้มีการประกาศเตือนและอพยพในทันที

สำหรับพื้นที่ได้รับผลกระทบและปริมาณน้ำยังลดระดับอย่างล่าช้า เช่น บ.พอกใหญ่ ต.พอกน้อย อ.พรรณานิคม ชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือน ยังได้รับผลกระทบจากลำน้ำอูนที่รับน้ำลงมาจากเขื่อนน้ำอูนน้ำท่วมสูงต้องสัญจรทางเรือและไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. น้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็นทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้า ตอนนี้ยังต้องการอาหารน้ำดื่มและยาจำนวนมาก คาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวันจนกล่าวน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอพบพระ จ.ตาก ว่า สถานการณ์น้ำที่เอ่อท่วม 2 ฝั่ง ชายแดนไทย – พม่า ที่บริเวณบ้านวาเล่ย์ บ้านมอเกอรไทย ตำบลวาเล่ย์ และบ้านหมื่นฤาไชย ตำบลพบพระ อ.พบพระ เริ่มคลี่คลายลงบ้าง โดยระดับน้ำลดลง ขณะเดียวกัน ฝนก็ยังคงตกเป็นช่วงๆ ขณะที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตาก สาขาแม่สอดได้ระบุว่า ฝนตกทางด้านอำเภอพบพระมาก ซึ่งเป็นต้นทางแม่น้ำเมย จึงขอแจ้งเตือนประชาชน ให้ประชาชนระมัดระวัง อุทกภัยที่จะเกิดขึ้นได้ และเป็นอันตราย การเดินทาง สัญจรไปมา ต้องระมัดระวัง และให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังการเกิดอุทกภัยตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่อำเภออุ้มผาง นายประทีป โพธิ์เที้ยม นายอำเภออุ้มผาง สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ช่วยซ่อมสะพานเข้าหมู่บ้านที่บ้านเลตองคุ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง หลังจากเกิดน้ำกัดเซาะ จนคอสะพานชำรุด ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ร้อยโทเฉลิม บุญพรหมวงศ์ นายกอบต.วาเล่ย์ กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เฝ้าระวังการตรวจสอบปริมาณน้ำตลอด ซึ่งน้ำจะไหลลงแม่น้ำเมยไปทางด้านอำเภอแม่สอด อย่างไรก็ดีชาวบ้าน ไทย – พม่า เริ่มสัญจรไปมาตามปกติ หลังจากน้ำลดลง

 

ที่มา มติชนออนไลน์