
รถไฟฟ้าฟรี ลดฝุ่น PM 2.5 วันที่ 3 ต้อนรับวันทำงานแรกของสัปดาห์ ผู้ใช้ทะลุ 2 ล้านคน-เที่ยว ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด-19 “สายสีเขียว” ทำสถิติสูงสุดถึง 1 ล้านคน-เที่ยว
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (27 มกราคม 2568) ซึ่งเป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์ และเป็นวันที่สามที่มีมาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 รวม 7 วัน เพื่อช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 2,098,591 คน-เที่ยว สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 (นิวไฮ) โดยมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30.16 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันจันทร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา (ค่าเฉลี่ย 1,612,338 คน-เที่ยว) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- รถไฟฟ้า Airport Rail Link มีผู้ใช้บริการจำนวน 90,310 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 15,272 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.35) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 (นิวไฮ)
- รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 46,126 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 6,045 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.08)
- รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) มีผู้ใช้บริการจำนวน 606,641 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 113,873 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.11) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 (นิวไฮ)
- รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 94,744 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 13,719 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.93) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 (นิวไฮ)
- รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,059,221 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 254,970 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.70) สูงสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 (นิวไฮ) (รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีผู้ใช้บริการสูงสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ที่เปิดให้บริการฟรี ก่อนเกิดสถานการณ์ COVID-19 จำนวน 1,132,224 คน-เที่ยว)
- รถไฟฟ้าสายสีทอง มีผู้ใช้บริการจำนวน 16,459 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 9,696 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 143.37)
- รถไฟฟ้าสายนัคราพิพัฒน์ (สีเหลือง) มีผู้ใช้บริการจำนวน 78,010 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 31,491 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.70)
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู มีผู้ใช้บริการจำนวน 107,080 คน-เที่ยว (มากกว่าค่าเฉลี่ย 41,187 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.51)
ซึ่งหากเรียงลำดับตามร้อยละที่เพิ่มขึ้น จะพบว่า มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองเพิ่มมากขึ้น 1.43 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยสามวันจันทร์ที่ผ่านมา รองลงมาคือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.70 และร้อยละ 62.51 ตามลำดับ
โดยทั้งสามสายทางเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (feeder) ที่มีเส้นทางผ่านที่อยู่อาศัยของประชาชนและเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนหลัก และยังส่งผลให้รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนหลัก มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้นจนมีผู้ใช้บริการมากสุดตั้งแต่มีสถานการณ์ COVID-19 รวม 5 สายทาง ได้แก่ สายสีเขียว (สายสุขุมวิทและสายสีลม) สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) Airport Rail Link และสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง)
นายพิเชฐ กล่าวว่า สำหรับรถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้บริการรวม 211 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 73,754 คน-เที่ยว ประกอบด้วย ผู้โดยสารขบวนรถเชิงพาณิชย์ 25,856 คน-เที่ยว และขบวนรถเชิงสังคม 47,898 คน-เที่ยว ลดลงจากค่าเฉลี่ย จำนวน 4,584 คน-เที่ยว หรือลดลงร้อยละ 5.85 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันจันทร์สามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภาพรวมวันที่ 27 มกราคม 2568 มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 2,172,345 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 481,669 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.49 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันจันทร์สามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา
นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ร่วมสนับสนุนให้ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นรูปแบบการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด รวมทั้งช่วยลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 นอกจากนี้ ในวันทำงานจะมีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้าจำนวนมากในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็น
ขร. จึงได้ประสานผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าเพิ่มความถี่ในการให้บริการในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ปริมาณผู้โดยสารที่สถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มความถี่ในการให้บริการเพิ่มเติม และเพิ่มช่องทางการออกบัตร/เหรียญโดยสารเพิ่มเติม สามารถรองรับการเดินทางของประชาชนได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผู้ใช้บริการระบบรางได้รับความสะดวก รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูงสุดต่อไป
หั่นงบฯ ชดเชย ‘รถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี’ เหลือ 185 ล้าน
ขณะที่ประเด็นการขออนุมัติงบฯกลาง เพื่อเป็นเงินชดเชยค่าโดยสารรถไฟฟ้า-รถเมล์ ช่วงที่มีการฟรีค่าโดยสารให้ผู้ใช้บริการ ตามมาตรการลดฝุ่น PM 2.5 โดยจะขอเพิ่มวงเงิน จากเดิม 140 ล้านบาท เป็น 329 ล้านบาทนั้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่า ในส่วนของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนงบฯกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท
ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงคาดว่าจะใช้งบฯกลางมาจ่ายชดเชยจำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม.เอง “สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม.รับภาระไป”
ขณะเดียวกัน เรื่องของจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นมาเฉลี่ย 5 แสนคน ในส่วนนี้กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการ ว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว
เมื่อถามว่า บริษัท บีทีเอสฯ ต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า คิดว่าบริษัท บีทีเอสฯ คงจะคิดตามข้อเท็จจริง ที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า วันนี้ในที่ประชุม ครม. ยังไม่มีการพิจารณางบฯกลาง เพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก.แต่อย่างใด