Prachachat BITE SIZE โดย พฤฒินันท์ สุดประเสริฐ
ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นพิษขนาดจิ๋ว หนึ่งในปัญหามลพิษทางอากาศที่ไม่ใช่แค่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย แต่ยังกระทบต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจด้วย ทั้งประเทศไทย และในหลาย ๆ ประเทศ
Prachachat BITE SIZE ชวนคิด ชวนมองปัญหาฝุ่นพิษนี้ เป็นปัญหาทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างไร แล้วปัญหาฝุ่นพิษนี้ จะจัดการได้ยังไงบ้าง
รู้จัก ฝุ่น PM 2.5
ฝุ่น หนึ่งในตัวการก่อปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะการเป็นภูมิแพ้ฝุ่น ในทางวิทยาศาสตร์ แบ่งประเภทฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพไว้ 2 ชนิด คือ PM 10 และ PM 2.5
PM 10 หรือฝุ่นหยาบ (Course Particles) คือ อนุภาคฝุ่นละอองในอากาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 2.5-10 ไมครอน และสังเกตได้ง่ายเมื่อรวมกัน เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่นที่เกาะตามของใช้ หรือฝุ่นที่มาจากงานก่อสร้าง
PM 2.5 หรือฝุ่นละเอียด (Final Particles) คือ อนุภาคฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 2.5 ไมครอน และแขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่าง ๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อรวมกันปริมาณมาก จะกลายเป็นหมอกฝุ่นพิษ อย่างที่เราเห็นกันชินตาในช่วงหน้าหนาว
ฝุ่น PM 2.5 นั้น มีขนาดเล็กมาก เทียบเท่าขนาดประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์ เล็กจนขนจมูกของมนุษย์ ก็ไม่สามารถกรองได้ สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ และตัวฝุ่นจะเป็นพาหะนำสารอื่นเข้ามาด้วย เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งอีกด้วย
ฝุ่นพิษนี้ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การคมนาคมขนส่ง ควันจากท่อไอเสีย การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ การผลิตไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ การเผาปิโตรเลียมและถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า การเผาเพื่อทำการเกษตร การก่อสร้าง หรือการรวมตัวของก๊าซอื่น ๆ ในบรรยากาศ
ส่วนความอันตรายของฝุ่นพิษนี้ ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม มีเสมหะ หอบหืด หัวใจวายเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองตีบ และที่อันตรายที่สุดอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด
เมืองไทย และการเผชิญฝุ่น
สำหรับคนไทย เริ่มเผชิญและรู้จักกับฝุ่น PM 2.5 มาตั้งแต่ปี 2562 และปัญหานี้ คนไทยยังต้องเผชิญต่อเนื่องในทุก ๆ หน้าหนาว หรือช่วงที่ลมนิ่ง ยิ่งถ้ามีการเผาในช่วงดังกล่าว สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยิ่งทวีความเลวร้ายลงไปอีก
สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ฉายภาพต้นเหตุฝุ่นพิษในไทย โดยระบุว่า มลพิษที่อยู่ในเมืองเกิดจากรถยนต์กว่า 11.8 ล้านคัน ประกอบกับโรงงานอุตสาหกรรมในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนกว่า 4,708 แห่ง ซึ่งใช้พลังงานฟอสซิลประมาณ 500 แห่ง ทั้งน้ำมันเตา น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันดีเซล หรือมาจากไซต์งานก่อสร้างมหาศาล ประกอบกับกรุงเทพฯ ยังมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ เวลามีฝุ่นเข้ามาแล้วมันจะวนอยู่ในนี้ พัดไปไหนไม่ได้
ส่วนพื้นที่นอกเมืองยังมีการทําเกษตรกรรม การเผาไร่นา โดยการเผาจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม ก่อนที่จะเปลี่ยนรอบการปลูกใหม่ ถ้าไม่เผาแล้วใช้วิธีไถกลบแล้วเอาไปย่อยสลายในดินจะไม่ทันต่อการปลูก
ขณะเดียวกันก็มีโรงงานน้ำตาล 58 แห่ง มีคอนแทร็กต์ไร่อ้อยอยู่ประมาณ 11-14 ล้านไร่ ถ้าตัดอ้อยสดก็จะมีปัญหาเรื่องแรงงานไม่มี คือ ไม่มีคนทำ คนรับจ้างอาจเป็นผื่นคันผื่นแพ้ บาดผิวหนัง จึงใช้วิธีการเผาอ้อยส่งโรงงานแทน ทำให้เกิดฝุ่นควันขึ้นเยอะ
นอกจากนี้ ปํญหาฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเผา หรือการเกิดไฟป่า ล้วนสร้างผลกระทบสู่ประเทศไทยด้วย
ปัญหา PM 2.5 ถือเป็นปัญหามลพิษที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย และกระทบถึงเศรษฐกิจด้วย
มีข้อมูลจาก สสส. ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่ค่าเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ พบว่ามีประชากรอยู่ในพื้นที่ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานกว่า 38 ล้านคน
ในจำนวนนี้ 15 ล้านคน เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และ 6 ล้านคน เป็นเด็กและเยาวชน มีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศสูงถึง 12 ล้านคน ส่งผลให้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านบาท
ขณะที่ในทางเศรษฐกิจ แม้เครื่องฟอกอากาศ จะขายดีจากปัญหาฝุ่น จนขาดตลาด ต้องเปิดให้จองสินค้า แต่การเจ็บป่วย ก็เป็นการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากปัญหา PM 2.5 ในกรุงเทพฯ ใช้สมมุติฐานว่า คนกรุงเทพฯ ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้/ระบบทางเดินหายใจไม่ต่ำกว่า 2.4 ล้านคน และประมาณ 50% ของจำนวนผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจมีอาการเจ็บป่วยจนจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ในช่วงนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน และมีค่ารักษา ค่าเดินทาง เฉลี่ยต่อคน 1,800-2,000 บาท รวมถึงประชาชนทั่วไปที่อาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าเสียโอกาสจากประเด็นด้านสุขภาพทั้งการรักษาและการป้องกันอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท
และหากรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น เช่น การหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง การทำงานที่บ้าน การหยุดเรียน การท่องเที่ยว เป็นต้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดในพื้นที่อื่น ๆ ค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจะสูงกว่านี้
ฝุ่น PM 2.5 จะแก้อย่างไร ?
แม้ว่ารัฐบาลซึ่งนำโดยนายกฯ แพทองธาร กำหนดให้ฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ และวาระแห่งอาเซียน และหามาตรการ หาวิธีการต่าง ๆ เพื่อจัดการกับฝุ่น ทั้งจากการจราจร การควบคุมนำเข้าสินค้าเกษตร จนถึงการรับมือสถานการณ์ไฟป่า สถานการณ์หมอกควัน แต่ปัญหา PM 2.5 ยังเป็นเรื่องใหญ่ทางสิ่งแวดล้อมที่ยังแก้ไม่ตก
สนธิ คชวัฒน์ ให้มุมมองการแก้ฝุ่นว่า รัฐบาลต้องกลับมาให้ความสำคัญว่า ฝุ่นคือวาระแห่งชาติ เปลี่ยนรถยนต์ รถเมล์ ให้ใช้พลังงานสะอาด กำหนดให้พื้นที่เมืองต้องมีโซนที่เป็นรถสร้างมลพิษห้ามเข้า โดยต้องประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำไม่ได้
และสิ่งที่สำคัญคือ ท้องถิ่นหรือผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องใช้อำนาจ แล้วก็มีตัวชี้วัดถ้าหากว่ายังมีการเผาแล้วก็มีปัญหามากกว่าเดิม ต้องให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ (Single Command)
สุดท้ายแล้ว ปัญหา PM 2.5 ไม่ใช่แค่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เราทุกคนก็ต้องช่วยกันลดต้นเหตุการเกิดฝุ่น รวมถึงการมีมาตรการจัดการฝุ่นอย่างจริงจัง เพื่อให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป มีอากาศที่สะอาดอย่างแท้จริง
ติดตาม Prachachat BITE SIZE EP.92 ได้ที่ https://youtu.be/dMC0xDImsUs
เข้าใจง่าย ได้ความรู้ ทุกสถานการณ์ข่าว กับ “Prachachat BITE SIZE” ทุกวันเสาร์ 11.00 น. ทุกช่องทางออนไลน์ของประชาชาติธุรกิจ