
ไทม์ไลน์ ‘ตัดไฟ’ จากยุคเศรษฐาถึงแพทองธาร-เบื้องหลังมีคำสั่งตัดไฟ เพื่อจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกพูดถึงในสังคมอย่างมาก และระบาดหนักในช่วงหลัง สร้างความเสียหายต่อคนเป็นจำนวนมาก สถิติจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สคช.) เผยว่าในปี 2566 คนไทยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเกือบ 79 ล้าน ครั้ง ถือว่ามากที่สุดในเอเชีย
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ AI ปลอมแปลงเสียงเป็นผู้นำประเทศอื่น โดยส่งคลิปมาก่อน เพื่อพูดคุยสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอยากทำงานร่วมกันหลอกให้โอนเงินบริจาค แต่โชคดีที่โทรมาตอน 23.00 น.
นายกฯเผยว่าหลับไปแล้วจึงไม่ได้รับสาย พอมาเห็นตอนเช้ารู้สึกตกใจมากและส่งข้อความกลับไปว่าขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ และนัดเวลาว่าจะโทรหากี่โมง จากนั้นคอลก็ส่งคลิปมาอีกครั้งว่าขอให้บริจาค และย้ำว่าไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่ยังไม่ได้บริจาคเลย ทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เพราะมาเห็นบัญชีที่ส่งมาให้โอนเงินเป็นของอีกประเทศหนึ่ง จึงมั่นใจว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์
ล่าสุดวานนี้ (4 ก.พ.) สมช.มีมติ ตัดไฟ-อินเตอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตีว่าการกระทรวงมหาดไทย สับสวิตส์ตัดไฟ 5 จุด ในวันนี้ (5 ก.พ.) ได้แก่ ชายแดนไทย-เมียมา ตามคำสั่งสมช. เริ่มที่เจดีย์สามองค์-เมืองพญาตองซู รัฐมอญ,จุดที่ 2 บ้านเหมืองแดง ท่าขี้เหล็ก , จุดที่ 3 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา, จุดที่ 4 สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อ.แม่สอด และจุดที่ 5 บ้านห้วยม่วง-เมืองเมียวดี
เปิดเบื้องหลังประชุมครม. ก่อนสมช.มีคำสั่งตัดไฟ
รายการเจาะลึกทั่วไทย ดำเนินรายการโดย หมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ แมวสาว อมรรัตน์ มหิตธิรุกข์ ซึ่งออกอากาศทางช่อง 9 อสมท ได้สัมภาษณ์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนากรีฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับเบื้องหลังการตัดไฟในชายแดนเมียนมาเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่าการตัดไฟครั้งนี้เป็นการตัดจริงๆ ไม่ใช่การโชว์ เดิมที่เคยบอกว่าจะดำเนินมาตรการระดับเบาไปหาหนักนั้น แต่สุดท้ายดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันทีแค่ชั่วข้ามคืน เพราะเป็นเรื่องความเข้าใจผิดในระดับปฏิบัติการ เพราะนายภูมิธรรม ได้สั่งการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปคุยระดับปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร และรายให้งานให้ทราบว่าจะจัดการอย่างไรบ้าง
ซึ่งเมื่อนายภูมิธรรมมาดูว่า และบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วมาตรการที่ทำไม่เพียงพอ เลยต้องทำให้ชัดเจนเพื่อสร้างแรงบีบ เพราะเป็นเรื่องสำคัญระดับนานาชาติ ไม่กระทบแค่ไทยเท่านั้น อย่างที่บอกไปว่าความเสียหายค่อนข้างสูง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากการสรุปมีคดีคอลเซ็นเตอร์พบว่ามีทั้งหมด 557,500 คดี และใน 1 คดี นั้นมีคนกระทบมากกว่า 1 คน และอาจหลายร้อยคน เป็นเรื่องความมั่นคงมูลค่าเสียหาย 86,000 ล้านบาท หรือเสียหายต่อวัน 80 ล้านบาท เลยเป็นความมั่นคงที่รุนแรงและต้องดำเนินการและที่มีความเห็นแตกต่างระหว่างตนและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทยนั้น จริงๆ ไม่ได้ขัดแย้ง แต่เป็นการเห็นต่าง ในบางจุดที่มีการมองต่างกัน
“อย่างนายอนุทินมองในแง่ว่า ตัวเองทำอะไรไม่ได้ จะให้ สมช.พิจารณา เพราะเขาเป็นคู่สัญญา เกรงว่าจะไปกระทบกฎหมายธุรกิจ ซึ่งเขาจะมีปัญหาได้ เขาก็อยากได้ สมช.แบ๊กอัพ ส่วนผมมองว่าไม่ต้อง ในฐานะผู้ปฏิบัติ สมช.สามารถจัดการได้เลย เห็นเหมือนกันแต่ต้องดูความถูกต้องเท่านั้น ผมเลยประชุม สมช.ให้ ตอนเช้าที่เจอผม มีการถามผม ผมก็บอกว่าต้องดำเนินการเด็ดขาดแล้ว ไม่ต้องรอเป็นขั้นตอนทำให้ครบเลย จึงเรียก ปช.สมช. ”
เมื่อถามว่า มีคนวิจารณ์ว่า เป็นผลจากปักกิ่งส่งตัวแทนมานั่งเฝ้าหน้าบ้าน หรือแรงกดดันจากจีนหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จีนมีปัญหาว่า มีข้อตกลง 2-3 ประเทศย่านนี้ในการตั้งศูนย์ประสานงานแกปัญหา เขาเลยมาตามเพราะเรื่องยังไม่คืบหน้า ซึ่งที่ผ่านมาคุยกันหลายเรื่องกับทางจีน และเขาห่วงเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก เพราะคนจีนโดนหลอกเป็นแสนและกระทบเสียหายเยอะ เราก็ซีลชายแดนรื้อฟื้นมานาน จุดประสงค์ทั้งแก้ยาเสพติดและเรื่องคอล และค้ามนุษย์ ดับไฟฟ้า ก็เลยให้ฝ่ายปฏิบัติมาคุยกันเขาเลยส่งนายหลิวจงอีมา
“คนไม่เข้าใจ รมต.ไปไหนหมด ปล่อยให้ตบหน้า สรุปคือมาตามงานเรื่องที่คุยกันว่าคืบหน้าไปไหน เพราะเกี่ยวพันกัน 3 ส่วน ไม่อยากให้ปัญหาโผล่ที่โน่นนี่ เขามาคุยระดับกลาโหมระดับรองปลัด แต่บังเอิญปลัดติดภารกิจเลยคุยกับรองปลัดกลาโหมจนเสร็จ คุยกับเลขากลาโหม ในระดับปฏิบัติคุยกันเสร็จ และจากนั้นเขาก็มาพบผม ผมก็ฝากไปหลายเรื่อง และเขายอมรับพร้อมทำทิศทางเดียวกัน เขาคุบกับรองปลัด 1 ชม. และมาคุยกับผมต่อแค่นั้นไม่เกี่ยวกันเลย เพราะคุยมาต่อเนื่องตลอด”
ถาม-บรรยากาศใน ครม.เป็นอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องการตัดไฟเมื่อวาน (4 ก.พ.) ถกกันหนักหรือไม่
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เช้าวัน ครม. นายอนุทินโทรมา และบอกจะขอพูดเรื่องนี้ว่าไม่ขัดแย้งกันก็คุยกับตนและนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รอบนอก เลขานายกฯนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เพราะเป็นเรื่องมองต่างกัน เขาจะเสนอว่าประเด็นต่างๆ ข้อขัดข้องกังวลอะไร ไปถึงข้อเป็นข้อสั่งการของนายกว่าให้ตนป็นคนจัดการทั้งหมดแค่นั้นเอง
ถามก่อนการประชุม ครม. มีการคุยกับนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายอนุทิน และพอประชุม ครม.ก็มีนายกฯสั่งการม้วนเดียวจบ ตนก็ประชุม สมช.ทีเดียวให้จบ เลยสั่งทีเดียวกัน เพราะ กฟภ.ก็เกรงกระทบ กม.ธุรกิจ แต่ในข้อ กม.ของส มช. เขาสามารถทำได้
หากประเมินแล้วกระทบความมั่นมคงเขาสามารถยุติได้ แต่เขาไม่มั่นใจว่าภัยต่อความมั่นคงหรือยัง ก็เลยเอาข้อมูลมาดู ว่าเกี่ยว เขาสบายใจขึ้น เลยดำเนินการสั่งตัดไฟ ยืนยันฝั่งมท.ไม่มีอะไรไปมากกว่ากังวลเรื่องข้อ กม.ธุรกิจ เราเลยยเซ็นคำสั่งให้กลางดึงและแอ๊กชั่นทันทีตั้งแต่เมื่อคืน กต.แจ้งสถานทูต และ กฟภ.แจ้งคู่สัญญาให้เตรียมการ
การเตรียมการเรื่องไฟ ทางโน้นเขาเตรียมการมานานแล้ว โดยมติที่ สมช.ดำเนินการคือ 1.ตัดไฟทันที 9 โมงเช้าวันนี้ (5 ก.พ.) 2.ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงรัฐบาลเมียนมาเพื่อให้ชี้แจงหน่วยงานเกี่ยวข้อง 3.ให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ ควบคุมส่งออกน้ำมันไปเขตแดนที่เราประกาศ 5 จุด 4.ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตัดอินเตอร์เน็ตทั้งหมดอีกครั้ง ส่วนจะลักลอบหรือไม่ก็เป็นไปได้ แต่เราก็ให้ทางทหารไปเคลียร์และเตรียมกำลังแก้ปัญหาชายแดนแล้ว เราทำเต็มที่หากอะไรจะเกิดก็จะแก้กันต่อ
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) ตนและคณะจะบินไปแม่สอด เพื่อไปดูหน้างานและกองกำลังราชมนู เพราะเขาด่านหน้า ต้องไปคุยกับเขา ยืนยันว่าเรื่องนี้คิดมานานแล้ว แต่ยากเพราะกระเทือนชายแดน มนุษยธรรม ต้องชั่งใจความมั่นคงว่า ทำแล้วแก้ปัญหาจริงๆ ไม่อยากผลีผลาม ถามว่าเรามีผลกระทบมั้ยก็กระทบ เราต้องชั่งใจมาก จะตัดสินใจบนอารมณ์ไม่ได้ ต้องเอามาประกอบทั้งหดม
“พรุงนี้ไปส่งเชิงสัญลักษณ์ว่า รบ.เอาจริง และไปบอก จนท.ว่า รบ.เอาจริง เพื่อให้เขามั่นใจว่ามีกำแพงให้พิงหากเขาไปเจอขาใหญ่ หากเจอขาใหญ่ให้แจ้ง ผบ.ตร.ตรวจสอบ”
ถาม ทาง สมช.รายงานข้อมูลลับขึ้นมาว่า 4-5 บริษัทที่ซื้อไฟไปขาย อีนุงตุงนังกับคอลและพนันออนไลน์จริงหรือไม่
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้รับคำตอบว่ามีการใช้ไฟเกินปริมาณที่ควรจะเป็นมาก แต่เขาไม่ได้ไปต่อ ตนเลยว่าควรต้องแจ้งว่ามาว่ามากไปหรือไม่ควรมาถามเรา พอถามเรา เรารู้ว่ามีคอลเซ็นเตอร์อยู่ เมื่อเราตรวจสอบก็พบข้อมูลเป็นแบบนั้น และได้รับการยืนยัน เป็นเรื่องความเดือดร้อนนานาชาติจริงๆ
พอเราไล่จับก็หนีไปทำที่อื่น เราตัดสินใจเรื่องความปลอดภัย ความมั่นคง เป็นภัยนานาชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มนุษยธรรม ภัยของโลก และภัยร้ายของเราเองเพราะมีคนถูกหลอกไปเป็นแสนๆ คน นายกเลยสั่งการว่าต้องจัดการให้เด็ดขาด
มติครม.ยุคเศรษฐา สั่งตัดน้ำ ตัดไฟ แก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ไม่คืบหน้า
ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะรัฐมนตรี (https://resolution.soc.go.th/) พบว่าในปี 2567 สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน ยังเป็นนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการ เรื่องการปราบปราอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ครั้ง โดยครั้งแรกมีมติเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ดังนี้ ณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ให้กับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567
เกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น ปัญหาการพนันออนไลน์ ปัญหาการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาข่าวปลอม (Fake News) ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่เศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ต่อเนื่อง และหลากหลายรูปแบบ
จึงขอกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ รวมถึงการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องด้วย
ครั้งที่ 2 มติครม.เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เรื่องการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งบริเวณชายแดน มีเนื้อหาดังนี้
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (2 เมษายน 2567) กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ นั้น
เนื่องจากผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมจากการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด ส่วนหนึ่งมักตั้งฐานอยู่บริเวณชายแดนและใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา และการสื่อสารในการกระทำความผิด จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค) เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวข้างต้นเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป
นายกฯรับรายงานตัดไฟ 5 จุดเรียบร้อยดี
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ก่อนเดินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถึงการหยุดจ่ายไฟฟ้าไปยังสาธารณารัฐเมียนมาว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เห็นไปกดปุ่มตัดไฟ กดไปแล้วใช่หรือไม่ เรียบร้อย โอเคดีใช่หรือไม่”
จากนั้นนายอนุทินตอบกลับสั้น ๆ ว่า “เรียบร้อยดีครับ” และเมื่อสื่อมวลชนพยายามสอบถามเรื่องการตัดไฟ นายกฯ ได้บอกให้สอบถามกับนายอนุทิน แทน