กรมอุตุนิยมวิทยา 7 วันข้างหน้า เตือนฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง 17-19 ก.พ.นี้

ฝนตก-ฝนฟ้าคะนอง
ภาพ : ศูนย์ภาพเครือมติชน

กรมอุตุฯพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 7 วัน เตือนช่วง 17-19 ก.พ.นี้ มีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่เสริมลงมาปกคลุมตอนบนและปะทะกับอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง ฝนตกเฉลี่ย 20-40% ของพื้นที่ รวมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กับมีลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน

โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เสริมเข้ามาปกปลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ADVERTISMENT
คาดการณ์ปริมาณฝนสะสม 19 ก.พ. 2568
คาดการณ์ปริมาณฝนสะสม 19 ก.พ. 2568

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. 68 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้ง และระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง

ADVERTISMENT

สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 13-19 ก.พ. 2568

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-17 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด โดยมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 5-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-10 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ก.พ. อากาศเย็นมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-10 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงแรก อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 14-16 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพฯและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 13-16 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

(ออกประกาศ 13 กุมภาพันธ์ 2568 12.00 น.)