
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า (17-23 ก.พ.) เตือนหลายพื้นที่มีฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง 20-60% ของพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่า ชี้ภาคตะวันออกหนักสุด เปิด 3 เกณฑ์หลักประกาศเข้า “ฤดูร้อน” ปี 2568 พร้อมคาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดของประเทศไทยปีนี้ ระบุมี 14 จังหวัดเสี่ยงเจออากาศร้อนจัด ตั้งแต่ 42.0-43.9 องศาเซลเซียส
กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยถึงเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทยในปี 2568 ว่า จะมีเกณฑ์พิจารณาหลัก ๆ 3 เกณฑ์ด้วยกัน ได้แก่
1.พื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด ตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียส ขึ้นไป
2.มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ลมหนาว) ที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน จะเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมแทน
3.เกณฑ์อากาศร้อน ใช้อุณหภูมิสูงสุดประจำวัน
- อากาศร้อน (Hot) อุณหภูมิตั้งแต่ 35.0-39.9 องศเซลเซียส
- อากาศร้อนจัด (Very Hot) อุณหภูมิตั้งแต่ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป
สำหรับจังหวัดที่คาดว่าจะมีโอกาสเกิดอุณหภูมิร้อนจัดในปี 2568 เบื้องต้นประกอบไปด้วย 14 จังหวัด (ดูกราฟิกประกอบ) โดยคาดว่าจะมีอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 42.0-43.9 องศาเซลเซียส ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคอีสานตอนบน อีสานตอนล่าง อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 40.0-41.9 องศาเซลเซียส
จังหวัดที่จะมีอุณหภูมิร้อนสุด ปี 2568
- แม่ฮ่องสอน
- เชียงใหม่
- ลำปาง
- ตาก
- ลำพูน
- อุตรดิตถ์
- พิษณุโลก
- สุโขทัย
- เลย
- หนองคาย
- หนองบัวลำภู
- ชัยภูมิ
- ขอนแก่น
- อุดรธานี
กรมอุตุนิยมวิทยา ยังคาดหมายอากาศทั่วไป ระหว่างวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศเวียดลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น สำหรับบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. 68 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่เกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณทีมีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมทั้งฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

คาดหมายอากาศรายภาค
วันที่ 17-23 ก.พ. 2568
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-23 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างและด้านตะวันตกของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 18-22 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 -40 ของพื้นที่
ในช่วงวันที่ 18-22 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดสงขลา ลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในวันที่ 23 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นมา : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
นมีฝฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
ในช่วงวันที่ 18-22 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ส่วนในวันที่ 23 ก.พ. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพฯและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 22-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส

(ออกประกาศ 17 กุมภาพันธ์ 2568 12.00 น.)