จับแก๊ง “ปลอมไฟแช็ก” แบรนด์ดังไทย ลอบขนข้ามแดน อู้ฟู่ปีละ 10 ล้าน

ทลายเครือข่ายปลอมไฟแช็กยี่ห้อดังไทย ลอบขนข้ามชายแดน เงินสะพัด 10 ล้านต่อปี พร้อมยึดจานกระจายสัญญาณ แฉขบวนการอินเทอร์เน็ตเถื่อน เอื้อมิจฉาชีพ

มติชนรายงานว่า ตำรวจได้ทำการ ทลายเครือข่ายปลอมไฟแช็กยี่ห้อดัง ลอบขนข้ามชายแดน พบเงินหมุนเวียนปีละกว่า 10 ล้านบาท และยึดจานกระจายสัญญาณ ปิดช่องการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามแดนเอื้อมิจฉาชีพ

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.พรณรงค์ สุริยชัยวงษ์ รอง ผบก.สอท.3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด เข้าตรวจค้นเป้าหมาย เครือข่ายปลอมไฟแช็กยี่ห้อดัง และตรวจค้นพื้นที่ลักลอบติดตั้งจานกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตระยะไกล ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารและจังหวัดหนองคาย ทั้ง 2 ปฏิบัติการ ดังนี้

ปฏิบัติการที่ 1 สืบเนื่องจากกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้รับแจ้งจากสำนักงานกฎหมาย R.W.T. ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบริษัท ไทยเมอร์รี่ จำกัด เจ้าของเครื่องหมายการค้า “Taiyo” ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟแช็กยี่ห้อดังของประเทศไทย พบว่า มีการจำหน่ายและปลอมเครื่องหมายการค้า ขายผ่านช่องทางออนไลน์

และยังมีการโพสต์ในลักษณะแอบอ้างว่า สินค้าดังกล่าวเป็นของแท้ ซึ่งอาจเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงได้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด กระทั่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวกระจายอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร และมีลักษณะเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ พบว่ามีเงินหมุนเวียนในขบวนการนี้ ปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งได้ทำมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ และหมายค้นต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการนี้

กระทั่งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นบ้านพักและสถานที่เก็บสินค้าผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 5 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 4 ราย ดังนี้

ADVERTISMENT

1.นายประจวบ อายุ 46 ปี

2.นายนครินทร์ อายุ 28 ปี

3.น.ส.นราวดี อายุ 42 ปี

4.น.ส.รินรดา อายุ 24 ปี

พร้อมของกลางไฟแช็กปลอมเครื่องหมายการค้า Taiyo จำนวน 2,050 ชิ้น, สมุดบัญชี, โทรศัพท์ที่เชื่อมบัญชี สำหรับรับโอนค่าสินค้า และสมุดจดรายละเอียดการส่งสินค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ปฏิบัติการที่ 2 ตำรวจไซเบอร์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และตำรวจภูธรภาค 4 ปฏิบัติการตรวจค้น 3 จุดในพื้นที่ จ.หนองคาย หลังจากสืบทราบว่ามีการติดตั้งจานกระจายสัญญาณที่สามารถส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตระยะไกลได้สูงสุดถึง 30 กิโลเมตร

โดยหันหน้ามุ่งไปทางสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งอาจตั้งข้อสังเกตได้ว่า มีการตั้งสถานีเพื่อส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามแดน และอาจนำไปสู่การใช้การก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบในพื้นที่ทั้ง 3 จุด ดังนี้

จุดที่ 1 ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.โพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย พบจานไวร์เลสลิงก์ ติดตั้งที่ความสูง 37.4 เมตร ซึ่งหันทิศทางไปยัง สปป.ลาว ห่างจากชายแดนเพียง 1.24 กิโลเมตร

จุดที่ 2 ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย พบจานไวร์เลสลิงก์ ติดตั้งที่ความสูง 25.6 เมตร ระยะห่างจากชายแดน 7.75 เมตร

และจุดที่ 3 ภายในอาคารแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย พบจานไวร์เลสลิงก์ ติดตั้งที่ความสูง 18 เมตร ระยะห่างจากชายแดน 936 เมตร

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ กสทช.ภาค 2 ได้ตรวจยึดของกลางจำนวน 11 รายการ และลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.เมืองหนองคาย โดยจะนำของกลางกลับไปตรวจสอบ หากพบว่ามีการกระทำความผิด จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป