
ย้อนไทม์ไลน์สมาคมฟุตบอล และสยามสปอร์ต หลังคดีฟ้องร้องถึงจุดสิ้นสุด หลังจากต่อสู้กันถึง 3 ศาล
เรื่องราวสุดร้อนแรงของวงการฟุตบอลไทยตอนนี้คงหนีไม่พ้น เรื่องระหว่างสมาคมฟุตบอลกับสยามสปอร์ต หลังต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน 3 ศาล ถึงจุดสิ้นสุดในเมื่อวานนี้ ได้บทสรุปคือสมาคมฟุตบอลต้องจ่าย ค่าเสียหาย คดีละเมิดลิขสิทธิ์แก่ สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท แต่ทางด้านสยามสปอร์ตก็ต้องจ่ายให้บริษัท ซีนิแพล็กซ์จำนวน 240 ล้านบาทเหมือนกัน
โดยเริ่มแรกคดีนี้ บจก.ซีนิแพล็กซ์ (บริษัทในเครือของผู้ให้บริการโทรทัศน์ แบบบอกรับสมาชิก) ยื่นฟ้องบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลรายการต่าง ๆ ที่จัดโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) และคดีที่ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท ยื่นฟ้องสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับพวกรวม 20 คน เรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลทรัพย์สินฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้พิจารณาพิพากษารวมกัน โดยให้เรียก บจก.ซีนิแพล็กซ์ โจทก์สำนวนแรก ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 20 ในสำนวนที่สองว่าจำเลยที่ 20 และเรียกบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำเลยสำนวนแรก ซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่สองว่าโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1-19 ในสำนวนที่สองยังคงเป็นจำเลยตามลำดับเดิม
ขณะที่ศาลทรัพย์สินฯ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้บริษัท สยามสปอร์ตฯ โจทก์ ชำระ 240 ล้านบาท แก่ บจก.ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่โจทก์จะชำระแก่จำเลยที่ 20 เสร็จสิ้น คำขออื่นของจำเลยที่ 20 ให้ยกกับให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 50 ล้านบาท แก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560) จนถึงวันที่จำเลยที่ 1 จะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น ส่วนคำขออื่นของโจทก์ให้ยก และยกฟ้องจำเลยที่ 2-20 กับยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 20
ต่อมา บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 และ บจก.ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 450 ล้านบาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560)
จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามที่โจทก์ขอ
และให้ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ ชำระเงิน 240 ล้านบาท แก่ บจก.ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 20 แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่จำเลยที่ 20 ขอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ และสมาคมกีฬาฟุตบอล จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ข้อมูล : มติชน