
รายได้อุทยานฯปีงบฯ 2567 พุ่ง 2.2 พันล้าน “หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี” นำลิ่วรายได้กว่า 629 ล้านบาท ขณะที่อุทยานฯยอดฮิต “เขาใหญ่” รักษาแชมป์ ตามด้วยพีพี-เกาะเสม็ด
จากกรณีทราย สก๊อต หรือสิรณัฐ สก๊อต เจ้าของฉายามนุษย์เงือก ผู้รักท้องทะเล ที่ประกาศยุติบทบาทที่ปรึกษากรมอุทยานฯ หลังเกิดประเด็นตักเตือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติบนเรือท่องเที่ยว บริเวณทะเลภาคใต้ ก่อนเกิดกระแสดราม่า สุดท้ายนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ พิจารณายกเลิกคำสั่ง ที่ปรึกษากรมอุทยานฯ
“ประชาชาติธุรกิจ” เปิด 10 อันดับอุทยานฯที่จัดเก็บเงินรายได้สูงสุด ประจำปีงบประมาณ 2567
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เผยแพร่สถิติการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานแห่งชาติ 133 แห่ง และวนอุทยาน 9 แห่ง ประจำปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-กันยายน 2567) โดยมีเงินรายได้จากค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯจำนวน 2,200,622,044 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 ที่จัดเก็บรายได้จำนวน 1,467,824,272 บาท เป็นจำนวน 732,979,772 บาท
อุทยานฯจัดเก็บเงินรายได้สูงสุด ปี 2567
โดยอุทยานฯที่จัดเก็บเงินรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1.อุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ จำนวน 629,893,547 บาท
2.อุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา 243,654,970 บาท
3.อุทยานฯเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง 164,887,500 บาท
4.อุทยานฯอ่าวพังงา จำนวน 149,224,510.00 บาท
5.อุทยานฯเขาใหญ่ จำนวน 129,563,541 บาท
6.อุทยานฯอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ 125,332,508 บาท
7.อุทยานฯเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 83,640,966 บาท
8.อุทยานฯเอราวัณ จ.กาญจบุรี 81,453,875 บาท
9.อุทยานฯหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 53,614,430 บาท
10.อุทยานฯตะรุเตา จ.สตูล จำนวน 37,325,610 บาท
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าในอุทยานฯ
สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานฯ ในปีงบประมาณ 2567 มีจำนวน 18,629,416 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 12,679,941 คน ชาวต่างชาติ 5,931,475 คน เพิ่มจากปีงบประมาณ 2566 ที่มีนักท่องเที่ยวรวม 15,816,008 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 12,047,916 คน ชาวต่างชาติ 3,768,092 คน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 2,813,408 คน
อุทยานฯที่มีนักท่องเที่ยวมากสุด ปี 2567
สำหรับอุทยานฯที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1.อุทยานฯเขาใหญ่ จำนวน 1,486,571 คน
2.อุทยานฯหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จำนวน 1,153,515 คน
3. อุทยานฯเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จำนวน 991,102 คน
4.อุทยานฯอินทนนท์ จำนวน 758,131 คน
5.อุทยานฯคิชฌกูฏ จำนวน 734,776 คน
6.อุทยานฯหมู่เกาะสิมิลัน จำนวน 578,535 คน
7.อุทยานฯอ่าวพังงา 530,204 คน
8.อุทยานฯเอราวัณ จำนวน 519,235 คน
9.อุทยานฯน้ำตกพลิ้ว จำนวน 434,110 คน
10.อุทยานฯเขาสก จำนวน 424,376 คน
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว แต่หลายพื้นที่นักท่องเที่ยวก็ยังน้อยอยู่โดยเฉพาะอุทยานฯทางทะเลต่าง ๆ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูที่ยังมีฝนตกอยู่ แต่ก็ถือว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากในห้วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ในต้นเดือนพฤศจิกายน จะมีการเปิดเทศกาลท่องเที่ยวอุทยานฯทางทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน และจะมีการโชว์โครงการที่จะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้าที่จะเตรียมเปิดการท่องเที่ยวเกาะตาชัย อุทยานฯสิมิลัน
ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าเราจะปรับปรุงพื้นที่ และทำรูปแบบการท่องเที่ยวในลักษณะที่มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว รวมทั้งรูปแบบในการพัฒนาพื้นที่เกาะตาชัยอย่างไรบ้างที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแล้วเกิดความประทับใจ ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะทำท่าเทียบเรือในลักษณะเป็นท่าเทียบเรือที่ลอยน้ำได้ รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่แปลกปลอม และมีโซนเล็ก ๆ บนเกาะตาชัยที่ให้เล่นน้ำได้ เป็นต้น ยืนยันว่าอีก 1 ปี จะได้เห็นการเปิดการท่องเที่ยวเกาะตาชัยแน่นอน
นายอรรถพลกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ภาพรวมท่องเที่ยวในอุทยานฯทั่วประเทศ ขณะนี้ก็เริ่มมีการจองที่พักเข้ามาจำนวนมาก และหลายอุทยานฯยอดจองบ้านพักเริ่มแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เขาใหญ่ อินทนนท์ ดอยสุเทพ คาดว่าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พักจะเต็มยาวไปถึงเทศกาลปีใหม่
แต่ประชาชนสามารถมีทางเลือกในการเข้าพักในบ้านพัก โฮมสเตย์ หรือรีสอร์ต ในชุมชนใกล้เคียงอุทยานฯ แต่ละแห่งเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องบ้านพักในอุทยานฯ อาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนข้างนอก จึงเป็นสิ่งที่เราจะพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น และต้องหาแนวทางต่อไปโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ตอนนี้เราพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล คือเราพยายามจะเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวให้มากขึ้น รวมไปถึงพื้นที่อื่น ๆ เช่น สวนรุกขชาติ สวนพฤกษศาสตร์ ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ หรือแม้แต่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในบางพื้นที่ รวมทั้งจะมีการเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติใหม่ ๆ
โดยตนเตรียมไปเดินเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติใหม่ ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่เรียกว่าเป็นเส้นทางอันซีนเลย คือเส้นทางสันพญานาค ที่อุทยานฯภูแลนคา จ.ชัยภูมิ เป็นการเดินตามสันพญานาค ภูแลนคา คือ เดินจากหัวไปหาง หรือเดินหางไปหัวพญานาค ผ่านวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานฯภูแลนคา ใช้เวลาในการเดิน 6-7 ชั่วโมง เรียกว่าเป็นเทรนด์ใหม่สายมูกิจกรรมการท่องเที่ยวในอุทยานฯ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังให้มูได้ในขอบเขต ไม่ให้กระทบกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่อุทยานฯด้วย
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในปีงบฯ 2568 กรมอุทยานฯคาดการณ์ว่าจะสามารถจัดเก็บเงินรายได้ ประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยมีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวก การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว มีการเปิดจองที่พักและบริการผ่านระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์กรมอุทยานฯล่วงหน้า 60 วัน
และจองค่าเข้าอุทยานฯล่วงหน้าผ่านระบบอีทิกเก็ต ในอุทยานฯ 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานฯเขาใหญ่ เอราวัณ อินทนนท์ อ่าวพังงา สิมิลัน และหาดนพรัตน์ธาราฯ ทั้งนี้ระบบการจำหน่ายตั๋วอีทิกเก็ตอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และจะผลักดันไปเรื่อย ๆ เราจะทำให้แล้วเสร็จภายในปี’68 จำนวน 80 อุทยานฯ และครบทุกอุทยานฯ ในปี 2569
เปิด 10 อันดับอุทยานฯ รายได้สูงสุดปี’67 เกาะพีพีแชมป์ กวาดรายได้ 500 ล้าน