
กรมอุตุนิยมวิทยา วันนี้ ออกประกาศเตือน “พายุฤดูร้อน” ฉบับที่ 11 ระบุช่วงวันที่ 29 เม.ย. – 1 พ.ค.68 ยังต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางตอนบน ทั้งฝนฟ้าคะนอง 40-60% ของพื้นที่ ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ได้
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน พายุฤดูร้อน ฉบับที่ 11 พร้อมอัพเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม.(นับตั้งแต่ 07.00น. ถึง 07.00น.วันรุ่งขึ้น) และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.)15 วันล่วงหน้า ระหว่าง 29 เม.ย.-13 พ.ค.68 init. 2025042812 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย
ช่วงวันที่ 29 เม.ย. – 1 พ.ค.68 ยังเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (ตามประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 11) เนื่องจากยังมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะบริเวณประเทศไทยตอนบน เน้นภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน ทิศทางลมเปลี่ยนเป็นลมทิศใต้ ลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้พัดสอบเข้าหากันกับลมตะวันตกเฉียงใต้ ปกคลุมด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคกลาง
ส่วนลมระดับบนวิเคราะห์ได้เป็นแนวโค้งของลม(trough) ปกคลุมภาคเหนือ อากาศที่ร้อนเริ่มคลายลงบ้าง ต้องเฝ้าระวัง ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก และมีฝนตกหนักและอาจมีน้ำท่วมขังในระยะสั้นๆบางพื้นที่ ของภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ส่วนภาคใต้ยังมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งโดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ช่วงบ่ายถึงค่ำ
ช่วงต้นเดือน พ.ค. 68 (2-9 พ.ค.) ประเทศไทยตอนบนฝนลดลงแต่ยังเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ฝนจะกระจาย ยังมีต่อเนื่องและมีฝนตกหนักได้ ช่วงบ่ายถึงค่ำ ทิศทางลมยังแปรปรวน มีสัญญาณลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคใต้ฝั่งอันดามันมากขึ้น ปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีฝนตกหนักบางวัน
และช่วง 10 – 13 พ.ค.68 อากาศแปรปรวนสูงอีกครั้ง ต้องติดตาม ฝนที่เกิดขึ้นในระยะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง ปริมาณเฉลี่ยเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องระวังพายุฤดูร้อน ช่วงที่มีฝนควรสำรองน้ำไว้ใช้ เพื่ออุปโภค บริโภค ในบางพื้นที่น้ำฝนยังไม่เพียงพอต่อการเกษตรกรรม (ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
มีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และนครราชสีมา
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง
อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี และกาญจนบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก
อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล
อากาศร้อนโดยทั่วไป
โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
(ออกประกาศ 29 เมษายน 2568)