ยอดผู้ป่วยโรคไข้หวัด-โควิด พุ่งรับหน้าฝน รัฐชวน 7 กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนฟรี

ไข้หวัดใหญ่ โรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีน
ภาพประกอบข่าว สร้างจาก AI

เปิดสถิติยอดผู้ป่วยโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่กลับมาระบาดหลังไทยเข้าหน้าฝน รัฐบาลชวน 7 กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ตั้งแต่วันนี้-สิงหาคม สามารถเข้ารับที่ไหนบ้าง เช็กที่นี่

คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่สำหรับฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติแทนที่ฤดูร้อนกว่า 40 องศา จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เป็นสาเหตุของอากาศในตอนนี้ทั้งเย็น แฉะ และชื้น ซึ่งทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย แม้ว่าแนวโน้มการระบาดเริ่มลดลงและต่ำกว่าจำนวนผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกัน 2 ปีย้อนหลัง

ฝนทำโรคกลับมาระบาด

แต่คาดว่า การรวมกลุ่มของคนจำนวนมากในช่วงสงกรานต์ประกอบกับฤดูฝนจะทำให้ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ประกอบกับรายงานจาก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ระบุว่า สถานการณ์โรคติดต่อทางอากาศอย่างโควิด-19 รอบสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 4-8 พฤษภาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสมสูงถึง 7,013 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่สถิติของปี 2568 ตั้งแต่ 1 มกราคม-8 พฤษภาคม มีผู้ป่วยสะสม 41,197 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 15 ราย

ขณะที่สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 พฤษภาคม 2568 มีผู้ป่วยสะสม 319,416 ราย และมีผู้เสียชีวิต 43 ราย ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (ระหว่างวันที่ 13-26 เมษายน 2568) ปัจจุบันผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง อัตราป่วยสูงสุดพบในกลุ่มอายุ 5-9 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 0-4 ปี และอายุ 10-14 ปี

กระทรวงสาธารณสุขจึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่อย่างเคร่งครัดเมื่อเข้าไปในสถานที่เสี่ยง เช่น สถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้มีอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ

โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งหากป่วยอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ และหากมีอาการสงสัยป่วยควรตรวจหาเชื้อเบื้องต้นด้วย ATK เพื่อไม่เป็นการนำเชื้อกลับไปติดกลุ่มเสี่ยง

เช็กอากาศไข้หวัดใหญ่-โควิด

โรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไปมักจะมีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ เป็นต้น โดยอาการต่าง ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายได้เอง ขณะที่โรคโควิด สายพันธุ์ใหม่อย่าง XEC ลูกผสมตัวใหม่ในตระกูลโอมิครอน ที่กำลังระบาดและอยู่ความกังวลของประชาชนมีอาการ ดังนี้

ADVERTISMENT

1. ไข้ ไอ และเจ็บคอ

2. เหนื่อยง่าย ปวดหัว ปวดตัว

3. คัดจมูก น้ำมูกไหล

4. สูญเสียการรับกลิ่น/รส

5. เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาเจียน

7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนฟรี

เพื่อเป็นการลดสถิติการระบาดและรักษาสุขภาพประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข จัดเตรียมวัคซีนเพื่อป้องกันสายพันธุ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตามการประกาศขององค์การอนามัยโลก 4,570,000 ล้านโดส กระจายหน่วยบริการให้บริการฉีดกลุ่มเป้าหมาย

แบ่งเป็นวัคซีนป้องกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A(H1N1), สายพันธุ์ A (H3N2) และสายพันธุ์ B วิคตอเรีย ที่มีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย โดยสามารถเข้ารับวัคซีนฟรี ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม โดยกำหนดเป้าหมายเพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่

1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12-20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์)

2. เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี

3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง, หอบหืด, หัวใจ, หลอดเลือดสมอง, ไตวาย, เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด)

4. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปี

5. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)

7. โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กก./ BMI มากกว่า 35 kg/m2)

ประชาชนสามารถเข้ารับบริการสามารถติดต่อขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกชุมชนอบอุ่นที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ

โดยดูรายชื่อหน่วยบริการที่เข้าร่วมให้บริการได้ที่แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง (แอปเป๋าตัง) ในเมนูกระเป๋าสุขภาพ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 อย่างไรก็ดี เพื่อความสะดวกประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถโทร.นัดหมายกับหน่วยบริการล่วงหน้า เพื่อทราบวันเวลาเข้ารับบริการที่แน่นอน