ออกหมายจับเจ้าสัวเปรมชัย พร้อมวิศวกร-ผู้คุมงาน เอี่ยวคดีตึก สตง. ถล่ม

เปรมชัย

ออกหมายจับ 17 ราย วิศวกร-ผู้ควบคุมงาน-กิจการร่วมค้า เอี่ยวคดีตึก สตง.ถล่ม

จากกรณีสืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเมียนมา ทำให้อาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีความสูง 30 ชั้น ทรุดตัวถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากนั้น

มติชนรายงานว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ทำการสอบสวนในคดีดังกล่าว

จากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งเอกสารและพยานบุคคล พบว่าแบบแปลนการก่อสร้างไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวง และมาตรฐาน กลุ่มกำแพงปล่องลิฟต์ของอาคารไม่ได้อยู่ตรงกลางอาคาร แต่ชิดขอบด้านหลัง ทำให้ศูนย์กลางของการบิดตัวของอาคารเยื้องไปจากศูนย์กลางอาคาร เมื่ออาคารแกว่งตัวจากแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงปล่องลิฟต์และเสาที่ฐานถล่มเกือบพร้อมกัน ทำให้อาคารทั้งหลังตกลงมาในแนวดิ่งอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ มีการส่งผลตรวจปูนซีเมนต์ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ว่ามีมาตรฐานตรงตามค่า KSC ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรฐานที่ใช้วัดความแข็งแรงของคอนกรีต ผลการตรวจปรากฏว่าความแข็งแรงของคอนกรีตไม่ได้มาตรฐานตามค่า KSC และการตรวจสอบเหล็กเส้นที่เก็บได้จากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฏว่ามีบางส่วนไม่เป็นไปตามแบบเช่นกัน

และจากการตรวจลายมือชื่อของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ผู้เสียหายที่ถูกปลอมลายมือชื่อลงไปในฐานะวุฒิวิศวกร จากกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าตัวอย่างลายมือชื่อที่ส่งเปรียบเทียบ มีคุณสมบัติการเขียน รูปลักษณะของลายมือชื่อแตกต่างกันกับตัวอย่างลายมือชื่อของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข จึงลงความเห็นว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน

จากหลักฐานข้างต้นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงได้แบ่งกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งเป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้กระทำความผิดดังนี้

ADVERTISMENT

กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ

– บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประทศไทย) ทำสัญญาระหว่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล 1 ราย และมีกลุ่มวิศวกรผู้ลงนามในแบบแปลนซึ่งเป็นวิศวกรโครงสร้างจำนวน 5 ราย รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย

กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง

กิจการร่วมการค้า PKW จำนวน 1 รายในฐานะส่วนตัว เนื่องจากเป็นผู้แทนลงนามในสัญญา ซึ่งทั้ง 3 บริษัท ตกลงยินยอมรับผิดร่วมกัน และแทนกันต่อผู้ว่าจ้างในทุกกรณี

โดย 3 บริษัท ประกอบด้วย

1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด

2.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด

3.บริษัท ว.และสหาย คอนซัลแตนตส์ จำกัด

รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 5 ราย

กลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง

1.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

2.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีอำนาจกระทำการแทนกิจการร่วมค้า

ITD-CREC รวมผู้กระทำความผิดทั้งหมด 6 ราย

อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ค้นพบแล้วจำนวน 89 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย สูญหาย 11 ราย จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 17 ราย ในฐานะนิติบุคคลและส่วนตัว ในฐานะ “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซม หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้น ๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227, 238

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ 1 ใน 17 ราย มีชื่อของนายเปรมชัย กรรณสูต ด้วย