สัญญาณดี! เริ่ม’สูบน้ำ’ออกจากถ้ำ รองแม่ทัพภาค3 ยันยังไม่พบตัว

เมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 27 มิถุนายน 2561 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงราย บริเวณที่ทำการวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.ชร.ได้แถลงความคืบหน้าในการช่วยเหลือเด็กทั้ง 13 คนว่าการปฏิบัติหน้าที ณ ขณะนี้มีทั้งด้านบนและด้านล่างโดยหลังจาก พล.อ.ประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้ส่งเครื่องสูบน้ำใหญ่มาดำเนินการ ก็ได้เร่งสูบน้ำอย่างต่อเนื่อง  เพื่อหน่วยชีลจะปฏิบัติหน้าที่ได้ง่ายขึ้น

พล.ต.ฉลองชัย กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ด้านบนเขา ทางชุดค้นหาและหน่วยรบพิเศษได้ออกค้นหาหลายจุดบนภูเขา ซึ่งกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังให้พบตัวเด็กทั้ง 13 คน  โดยขณะนี้ทุกคนได้รวมตัวกันที่ศูนย์ฯ คงเห็นสถานการณ์แล้วเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยืนยันยังไม่พบ

พล.ต.ฉลองชัย กล่าวถึงกรณีการค้นหาของหน่วยซีล ว่า ปัจจุบันยังไปไม่ถึงจุดพัทยาบีท แต่เมื่อมีการสูบน้ำเต็มกำลังก็จะพยายามอย่างเต็มที่  และทำทุกวิถีทาง รวมทั้งจะมีผู้ชำนาญการดำน้ำและเดินถ้ำจากประเทศสหรัฐอเมริกา มาร่วมช่วยเหลือโดยจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ (วันที่ 28  มิ.ย.)  ส่วนด้านการเจาะอุโมงค์ลงไปหาถ้ำโดยตรง ทางกรมทรัพยากรธรณีกำลังดูอยู่  และเรื่องปล่องที่พบว่าสรุปแล้วมีอยู่ด้วยกันจำนวน 3 ปล่อง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าทุกปล่องจะตรงจุดทุกจุด แต่ทุกปล่องสามารถลงไปได้ เพียงแต่ไม่ราบเรียบเหมือนปล่องโรงสีทั่วไปจึงกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่

ต่อมาเวลา 17.30 น.เจ้าหน้าที่ ได้ทำการสูบน้ำด้วยเครื่องสูบ 8 เครื่องเต็มพิกัด ซึ่งสามารถสูบน้ำจากในถ้ำออกมาจากทางปากถ้ำได้สำเร็จ หลังใช้ความพยายามถึง 5 วันนับจากวันเกิดเหตุ ซึ่งจากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญทราบว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดูดน้ำจากถ้ำ โดยภายในถ้ำมีเครื่องขนาดเล็ก 20 ตัว ซึ่งดูดน้ำจากทางลอดก่อนถึงโถงพัทยาบิช เพื่อมายังจุดลอดโถงที่ 2 แล้วใช้เครื่องแรงดันสูงสูบน้ำระยะอีก 8 เครื่องนำออกมานอกถ้ำ จะสามารถระบายน้ำได้ถึง 20 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ขณะที่การคำนวณน้ำไหลเข้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที หากไม่มีฝนตกมาซ้ำหรือมีอุปสรรคอื่นๆ ก็อาจทำให้น้ำในถ้ำพร่องได้ภายใน 2 ชั่วโมง อาจเพียงพอที่ทำให้ชุดซีลเข้าไปสำรวจค้นหาในโพลงหรือโถงถัดไปได้ ซึ่งนั่นคือหาดพัทยา หรือพัทยาบีช ที่คาดว่าเด็กทั้ง 13  คน พักอยู่