นายกสมาคมน้ำบาดาลฯ เผยเทคนิคเจาะ ด้านรมว.ทรัพยากรเผยใช้แนวเอียงเข้าช่องหินด้านข้าง

เมื่อเวลา 18.00น.วันที่ 28 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย ทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหา 13 เยาวชน ซึ่งติดภายในถ้ำหลวง ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความสำบาก และส่งผลทำให้ระดับน้ำในถ้ำเพิ่มขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งสูบน้ำออกต่อไป

ต่อมาเวลา 18.30 น. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ เดินทางไปตรวจอุปกรณ์และเครื่องเจาะน้ำบาดาลบริเวณป้ายวนอุทยานฯ ซึ่งทางสมาคมน้ำบาดาลแห่งประเทศไทยได้นำเครื่องเจาะไปสนับสนุนการปฏิบัติการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.เชียงราย บริเวณหน้าถ้ำ หลังจากทางศูนย์ฯ และกรมทรัพยากรธรณีได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นจุดที่น้ำใต้ดินภายในถ้ำไหลผ่านพอดี โดยตั้งอยู่ห่างจากปากถ้ำแค่ประมาณ 15-20 เมตรเท่านั้น

โดย รมว.กระทรวงทรัพยฯ กล่าวว่าการติดตั้งเครื่องดังกล่าวเป็นการสนับสนุนจากภาคเอกชน อ.ปากช่อง จ.นครรสชสีมา ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คำนวนแล้วคาดว่าเป็นจุดที่น้ำในถ้ำไหลผ่าน และเหมาะสมที่สุดแล้ว และจะเจาะในแนวเอียงไม่เจาะในแนวตั้งเหมือนน้ำบาดาลทั่วไปเพื่อให้เข้าช่องหินด้านข้างเข้าไปถายในถ้ำ โดยเครื่องนี้มีศักยภาพเจาะได้ลึกกว่า 500 เมตร

ด้านนายสุทิน ไชยชมภู นายกสมาคมน้ำบาดาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการเจาะไม่ได้หมายความว่าเราจะเจาะให้ถึง 500 เมตร เพราะหากลึกแค่ 20 เมตรแล้วเจอน้ำในปริมาณ 100 คิวต่อ ชม.เราก็จะหยุดทันทีเพื่อเร่งระบายน้ำออกมาด้วยเครื่องสูบทันที ทั้งนี้เครื่องมีความแรงเจาะได้ 100 เมตรแรกใช้ระยะเวลา 3 ชม.ซึ่งคาดหวังว่าจะเจอน้ำเร็วกว่านั้นต่อไป

 

ที่มา มติชนออนไลน์