ดร.ธรณ์ แนะ แนวไหวเดียวกับสึนามึ ปี’47 กลับมาสั่น 5.2 เตรียมตัวไว้ไม่เสียหาย

นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม อธิบายแนวไหวของแผ่นดินที่เคยเกิดสึนามิ 2547 กลับมาสั่นสูงกว่าระดับ 4 แนะเฝ้าระวัง เตรียมตัวซักซ้อมไว้ไม่เสียหาย หวังไทย-อินเดียจับมือสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลหาสาเหตุที่แท้จริงเพื่อเฝ้าระวังร่วมกัน

จากรายงานของ กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว ระบุว่า เวลา 12.42 น. เกิดแผ่นดินไหวตอนเหนือของหมู่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 5.2 ริกเตอร์ ความลึก 10 กิโลเมตร เลื่อนลงมาทางทิศตะวันตกของ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 394 กิโลเมตร สร้างความตื่นตระหนกและวิตกกังวลให้กับสังคมเป็นวงกว้าง ว่า จะเกิดสึนามิขึ้นที่ประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ หรือไม่

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวไหวหรือรอยเลื่อนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวของประเทศไทยเป็นแนวยาว 

เริ่มตั้งแต่จ.อาเจะห์ อินโดนีเซีย ไล่มาจากอันดามัน ไปยังหมู่เกาะหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ แล้วยาวไปทางมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา ความยาว 1,000 กิโลเมตร แนวไหลที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นที่มัณฑะเลย์ และมีการสั่นไหวเป็นระยะ ๆ ประกอบกันทางนั้นที่มีภูเขาไฟอยู่ใต้น้ำ ยิ่งส่งผลให้มีการสั่นไหวถี่ 7-8 ครั้ง แต่เกิดขึ้นในระดับปานกลางเท่านั้น 

แต่สำหรับวันนี้ การสั่นไหวยาวลงไปถึงพื้นที่อาเจาะห์ที่อยู่ทางใต้สุดของแนวไหว ซึ่งเคยทำให้เกิดสึนามิมาก่อน ทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับที่ ดร. ธรณ์ เรียกว่า “การกระตุก” ที่มาของการตรวจพบในตอนเที่ยงนี้ และการต้องระวังตัวกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การจับตามองไม่ได้บ่งบอกว่า สึนามิจะเกิดขึ้นจากสัญญาณแผ่นดินไหววันนี้ เพียงแต่การสั่นไหวที่เริ่มเยอะกว่าที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 4 มาตลอด 

“เราก็ต้องเตรียมการ เตรียมตัวซักซ้อมไว้ก็ไม่เสียหายอะไรกับการหลบภัยสึนามิ” ดร.ธรณ์ กล่าว

ADVERTISMENT

จุดเดิม ปี 2547

จากรายงาน ระบุชัดเจนว่า จุดที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นจุดเดิม สิ่งที่น่ากังวลตามมา คือความลึก 10 กิโลเมตร ดร.ระบุว่า เป็นการเกิดที่มีลักษณะตื้น เสี่ยงอันตรายต่อการเกิดสึนามิ ความน่ากังวลเดียวกัน จุดเฝ้าระวังเดิมอย่างอาเจะห์ หากจุดนั้นเกิดแผ่นดินไหวแรง 7.5 ริกเตอร์ขึ้นไปก็อาจทำให้เกิดสึนามิในทิศทางเดียวกับที่ประเทศไทยเผชิญในปี 2547

“คือถ้าแผ่นดินไหวเกิดในจุดเดียวกัน คลื่นมันก็จะมาในแนวกันอะว่าง่าย ๆ แค่อาจจะไม่แรงเท่าปี 47 ที่ไหวระดับ 9 ขึ้นไป ซึ่งระดับเก้า คือ มหันตภัย”

อย่างไรก็ตาม ดร.ธรณ์ ระบุว่า แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่จุดไหน เราก็ต้องระวังเช่นเดิม และอีกหนึ่งความน่ากังวล “ภูเขาไฟใต้น้ำ” ที่มีความน่าจะเกิดน้อย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะระเบิดได้ เขายกกรณีศึกษาอย่าง “เกาะบาเรน (Barren Island)” เกาะภูเขาไฟในมหาสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของหมู่เกาะอันดามันที่เป็นภูเขาไฟเดียวในเอเชียใต้ที่ยังคุกรุ่นอยู่และมีประวัติการปะทุหลายครั้ง 

ในอดีตที่อาจยาวนานมากว่าร้อยปี ภูเขาไฟแห่งนี้เคยระเบิดจนกลายเป็นเกาะ ซึ่งถ้าในอดีตเกิดขึ้นได้ ปัจจุบันก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่า ไม่มีใครสามารถได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 

สำหรับข้อมูลการเฝ้าระวังของประเทศไทยที่ถามหาความแน่ชัด ดร.ธรณ์ กล่าวว่า เราไม่มีข้อมูล เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในน่านน้ำไทย หากว่า ในอนาคตมีการร่วมมือกันของประเทศไทยและอินเดีย ลงสำรวจพื้นที่ภูเขาไฟนี้ที่หมู่เกาะอันดามัน-นิโคบาร์ อย่างชัดเจนจริงจัง ก็สามารถทราบสาเหตุและร่วมกันเฝ้าระวังได้ 

แยกให้ชัด แผ่นดินไหว vs สึนามิ

สำหรับการเฝ้าระวังและการรับมือในฐานะผู้ที่ “อาจ” ได้รับผลกระทบจาก “แผ่นดินไหว-สึนามิ” ที่ “อาจ” เกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ดร.ธรณ์ ให้ความรู้ว่า สำหรับจังหวัดอาเจะห์ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวเมื่อครั้งก่อน แทบจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับภาคใต้ของประเทศไทยเลย มีเพียงเกาะในหาดใหญ่ที่สั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีตึกถล่ม หรือการเสียชีวิต นี่คือ ความหมายของแผ่นดินไหว

ขณะเดียวกัน ความเสียหายที่ทำให้เราทั้ง “เจ๊ง” และ “สูญเสีย” คือ สึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวนั้น แต่สองสิ่งนี้แตกต่างกัน แผ่นดินไหวไม่สามารถเตือนล่วงหน้าได้ อย่างมากก็แค่ไม่กี่วินาที แต่ไม่ใช่สำหรับสึนามีที่เรามีเวลาในการเตรียมตัวให้เป็นไปตามที่เราซักซ้อมกันไว้ และหาทางหนีที่ไล่ให้ดีก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น