เลื่อนสั่งคดีเมจิกสกินครั้งที่ 3 ไป 15 ส.ค. รองโฆษกอัยการระบุรอผลสอบเพิ่มยังไม่ครบ

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนเพิ่มเติม คดีกล่าวหาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง “เซรั่มทารักแร้ขาว” หนึ่งในสินค้ากลุ่มเครือข่ายบริษัท เมจิก สกิน จำกัดว่า ตามที่อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร กำหนดฟังคำสั่งคดีในวันนี้ ภายหลังที่สั่งพนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ผลการสอบสวนยังได้รับมาไม่ครบถ้วน ดังนั้นอัยการก็ยังไม่อาจมีความเห็นได้ในวันนี้ ซึ่งอัยการก็ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินให้เสร็จสิ้นครบถ้วนและส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมกลับมาโดยเร็ว สำหรับผู้ต้องหานั้นอัยการก็แจ้งนัดให้มารายงานตัวและฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง (นัดครั้งที่ 3) ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เวลาประมาณ 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ คณะทำงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ 2 ผู้ดูแลการสั่งคดี ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ในของกลางว่าเป็นไปตามเนื้อหาที่มีการหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งของกลาง “เซรั่มทารักแร้ขาว” จะมี 2 ส่วน คือ 1.สารประกอบที่ระบุตามฉลากผลิตภัณฑ์ และ 2.สรรพคุณ โดยในสำนวนคดียังไม่ปรากฏเรื่องสารประกอบและสรรพคุณ

สำหรับกรณีกล่าวหาเครือข่ายบริษัทเมจิกฯ นั้น มีผู้เสียหายรวม 145 คน มูลค่าความเสียหาย 113 ล้านบาทเศษ ขณะที่ตามสำนวนการสอบสวน ของ กก.4 บก.ป.นั้น มีความเห็นควรฟ้อง ผู้ต้องหารวม 6 คน ประกอบด้วย บริษัท เมจิกสกิน จำกัด โดยนายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 1, นายกร พวงสน อายุ 37 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2, นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี (ภรรยาของนายกร) ผู้ต้องหาที่ 3, น.ส.ตรีชฎา หรือส้ม ใจสบาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม รับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม

โดย บริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด ผู้ต้องหาที่ 5 และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ อายุ 33 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 6 เห็นควรฟ้องข้อหาร่วมกันรับจ้างผลิตเครื่องสำอางโดยไม่แจ้งรายละเอียดเครื่องสำอางตามที่จดแจ้ง, เป็นผู้รับจ้างผลิตฉลากที่มีข้อมูลซึ่งอาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง และรับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม ซึ่งความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 6 คนนั้น เป็นไปตาม ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 341 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ม.14 (1) จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ, พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ตาม ม.27(2) และ ม.29 (1) โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท

 

ที่มา : มติชนออนไลน์