“ฉลามขาว” บุกยึดคืน นายทุนฮุบเกาะ ถมถนน ป่าสงวน-ป่าชายเลน ปลูกยาง สวนปาล์ม เกือบ100ไร่

วันที่ 9 สิงหาคม นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว นำโดย นายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉลามขาว ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าชายเลน ยึดแผ่นดินคืนจากนายทุน จ.กระบี่ โดยจุดแรก เข้าตรวจสอบท้องที่บ้านคลองแรด หมู่ที่ 7 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแหลมกรวด และป่าคลองบางผึ้ง และป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องเดินทางทางเรือ เนื่องจากพื้นที่ ที่ถูกบุกรุกเป็นเกาะ อยู่กลางแม่น้ำ และป่าชายเลน พื้นที่ประมาณ 80 ไร่ พบมีการทำประโยชน์ โดยบุกรุกปลูกปาล์ม สลับกับสวนยาง อายุตั้งแต่ 1-10 ปี กระจายเต็มพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบ ขนำที่อาศัยชั่วคราว และมีร่องรอยการทำประโยชน์ โดยสวนยางมีการกรีดตัดยาง คาอยู่ นายโสภณ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ ตรวจวัดพิกัด จีพีเอส พื้นที่ที่มีการบุกรุก พบว่า มีจำนวน 62 ไร่เศษ นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยการขยายพำนที่เพื่อทำประโยชน์ โดยมีการปลูกปาล์มน้ำมันขนาดเล็ก จึงได้แจ้งความดำเนินคดี กับ พ.ต.ท. บรรจบ สงณรงค์ สารวัตรสอบสวน สภ.คลองขนาน

นายโสภณกล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวไม่สามารถออกเอกสารสิทธิใดๆ ได้ เนื่องจากเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลนตามมติ ครม. พื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุก โดยกลุ่มนายทุนรายใหญ่ เบื้องต้นพบจำนวน 621 ไร่เศษ และมีแนวโน้มที่จะขยายพื้นที่ครอบครองใช้ประโยชน์จนเต็มเกาะ โดย ทช.ได้ตรวจสอบสภาพ จากภาพถ่ายทางอากาศ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าตั้งแต่ปี 2545 และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ โดยนายทุน ต้องลงทุนมหาศาลในการนำยาง และปาล์มน้ำมันข้ามเรือ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตรจากฝั่งเพื่อมาปลูก ดังนั้นจึงต้องแจ้งความดำเนินคดี และจะมีการติดตามเจ้าของที่แท้จริงมาดำเนินคดีและฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย นอกจากนี้ก็จะมีการใช้ มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวน ในการรื้อ ฟันทิ้ง สวนยาง และสวนปาล์ม รวมทั้งดำเนินการฟื้นฟู ต่อไป

จากนั้น นายโสภณได้เดินทางไปยังจุดที่ 2 ท้องที่ บ้านคลองริ้ว หมู่ที่ 1 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองเหนือคลอง และป่าแหลมขวด รวมทั้งป่าชายเลนตามมติ ครม. พบมีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน โดยมีการตัดและถมถนนทับป่าชายเลน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และมีการปิดทางเชื่อมระหว่างคลองรั้วกับป่าชายเลน เพื่อปิดทางน้ำไม่ให้น้ำเข้าออก ทำให้ต้นไม้ตาย นายโสภณจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดพิกัดด้วยจีพีเอส และตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียม เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าชายเลนสภาพสมบูรณ์ ก่อนถูกบุกรุกในระยะ 1-2 ปี ที่ผ่านมา โดยมีการแผ้วถาง ครอบครอง ถมป่าชายเลนเพื่อทำถนนจำนวน 33 ไร่เศษ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี

นายโสภณกล่าวว่า การบุกรุกป่าชายเลน และป่าสงวนดังกล่าว มีความผิดชัดเจน ผู้ต้องหาที่ทำความผิด สืบได้ไม่ยาก เนื่องจากการถมป่าชายเลนเพื่อทำถนน คนในพื้นที่รู้กันหมดว่าใครเป็นคนทำ

ขณะที่นายรัชชัยกล่าวว่า นอกจากการตรวจสอบ 2 แปลงดังกล่าว ชุดปฏิบัติการฉลามขาวได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ที่เกาะลันตาน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอน นส.3 ก ไปแล้ว 2 ฉบับ พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ แต่ปรากฏว่า เมื่อไปตรวจสอบในพื้นที่ ที่ศาลมีคำสั่ง กลับพบว่ายังมีการถมที่ และแสดงการครอบครองอยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ นส.3 ในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด 6 ฉบับ รู้ตำแหน่งและพิกัดแล้ว พบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของนายทุนรายใหญ่ เป็นเจ้าของบริษัทยายักษ์ใหญ่ จากกรุงเทพ ดังนั้นในปลายเดือนนี้ ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว ชุดพญาเสือ กรมอุทยาน และชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ จะเปิดยุทธการทวงคืน ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจาก เป็นพื้นที่คาบเกี่ยว ของ 3 หน่วยงาน คือ พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เกาะลิบง ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหลังสอด และป่าชายเลนตามมติครม.

นายโสภณกล่าวว่า การทวงคืนผืนป่าชายเลนนั้น ตนได้รับคำสั่งจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส.และ น.ส.สุทธิลักษณ์ รวิวรรณ อธิบดีทช. โดย ได้ทำการทวงคืนผืนป่าชายเลนจากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 36,000 ไร่ และทำการฟื้นฟูไปแล้ว 14,000 ไร่ เฉพาะปี 2560 ทช.ตั้งเป้าทวงคืนผืนป่าชายเลน 15,000 ไร่ ขณะนี้ได้ปฏิบัติการทวงคืนได้แล้ว 15,966 ไร่ จำนวน 362 คดี ได้ผู้ต้องหา 37 คน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์