คนกรุงจ๊าก ขสมก.แก้เจ๊งสะสม ปรับใหม่8เส้นทาง เพิ่มค่าตั๋วรถเมล์ร้อนเป็น12บาท ปอ.25บาท-ตลอดสาย

เริ่มแล้ว 15 ส.ค.นี้ นำร่องรถเมล์ 8 เส้นทางใหม่ เปลี่ยนหมายเลขรถ ปรับเส้นทาง เผยใช้เวลา 1 เดือน ก่อนประเมินผลดีหรือไม่อย่างไร พร้อมเปิดเพิ่มอีก 7-10 สาย ขณะที่เชิญชวนเอกชนประมูลเส้นทางเดินรถอีก 10 เส้นทาง ด้าน ทีดีอาร์ไอเสนอปรับค่ารถเมล์ รถร้อนจาก 6.50 บาทเป็น 10-12 บาทต่อเที่ยว รถปรับอากาศเป็น 25 บาทอัตราเดียว ชง ขสมก.พิจารณาต้นปีหน้า

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ขบ.ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เตรียมเปิดทดลองเดินรถ 8 เส้นทางใหม่ซึ่งถือเป็นแนวทางการปฏิรูปรถโดยสารประจำทางใน กทม.และปริมณฑลเป็นระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่ 15 ส.ค.-15 ก.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.30-18.30 น โดย ขสมก.จะนำรถโดยสารมาวิ่งให้บริการเส้นทางละ 5 คัน ประกอบด้วย 1.สายที่ G21 รังสิต-ท่าเรือพระราม 5 (เทียบเคียงสาย 114 อ.ต.ก. 3-แยกลำลูกกา) 2.สายที่ G59E มีนบุรี-ท่าเรือสี่พระยา (ทางด่วน) (เทียบเคียงสาย 514 มีนบุรี-ถ.รัชดาภิเษก-สีลม) 3.สายที่ R3 สวนหลวง ร.9-สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (เทียบเคียงสาย 11 อู่เมกาบางนา-มาบุญครอง)

4.สายที่ R41 ถนนตก-แฮปปี้แลนด์ (เทียบเคียงสาย 22 อู่โพธิ์แก้ว-สาธุประดิษฐ์) 5.สายที่ Y59 สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน-กระทุ่ม แบน (เทียบเคียงสาย 189 สนามหลวง -กระทุ่มแบน) 6.สายที่ Y61 หมู่บ้านเศรษฐกิจ-สถานีขนส่งจตุจักร (เทียบเคียงสาย 509 สถานีขนส่งจตุจักร-บางแค) 7.สายที่ B44 วงกลมพระราม 9-สุทธิสาร (เทียบเคียงสาย 54 วงกลมรอบเมืองห้วยขวาง) 8.สายที่ B45 หมู่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม-ท่าเรือสะพานพุทธ (เทียบเคียงสาย 73 อู่โพธิ์แก้ว-สะพานพุทธ)

นอกจากนั้นทาง ขบ.ยังได้เตรียมเปิดเชิญชวนให้เอกชนเข้าแข่งขันประมูลเส้นทางเดินรถอีก 10 เส้นทาง ซึ่งได้เปิดรับคำขอแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ สายที่ R26E เส้นทางจากสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์-โรงพยาบาลรามาธิบดี (ทางด่วน) และสายที่ Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน) โดยมีกำหนดการเปิดรับคำขอถึงวันที่ 8 ก.ย.นี้

สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนในการเข้าประมูลเส้นทางเดินรถนำร่องทั้ง 10 สายนั้น ขบ.กำหนดหลักเกณฑ์ให้เอกชนผู้เข้าเสนอต้องเป็นนิติบุคคลเพื่อเป็นหลักประกันในการรับผิดชอบผู้โดยสาร นอกจากนี้ผู้ประกอบการต้องมีรถโดยสาร 12-18 คัน ในเส้นทาง Y70E และ 12-16 คันในเส้นทาง R26E ซึ่งกำหนดเป็นรถโดยสารมาตรฐาน แบ่งเป็นรถโดยสารมินิบัสไม่เกิน 21 ที่นั่ง และรถโดยสาร 30 ที่นั่งรวมเที่ยววิ่งขั้นต่ำ 48 เที่ยวต่อวัน คาดว่าจะได้ตัวเอกชนภายในปีนี้

 8 เส้นทางอยู่ระหว่างคัดเลือกเส้นทางเพื่อเปิดประมูลคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ อาทิ เส้นทางมีนบุรี-สนามหลวง โดยเส้นทางดังกล่าวจะใช้รถร้อนวิ่งให้บริการ

นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ (TDRI) ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า การทดลองเดินรถ 8 เส้นทาง กรมการขนส่งฯ และ TDRI จะนำข้อมูลและข้อคิดเห็นจากการนำร่องปฏิรูปรถเมล์ 8 เส้นทางมาประมวลผลและสรุปแนวที่เหมาะสม โดยเส้นทางใดมีเสียงผลตอบรับดีก็จะเดินหน้าให้บริการต่อและใช้เป็นแนวทางการปฏิรูปเส้นทางที่เหลือ ส่วนเส้นทางไหนมีเสียงตอบรับไม่ดีก็จะทบทวนและหาแนวทางใหม่ โดยหลังนำร่อง 8 เส้นทางแรกแล้ว จะมีการนำร่องเพิ่มอีก 7-10 เส้นทางภายในปีนี้

นายสุเมธกล่าวอีกว่า จากการศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. พบว่ารถเมล์ร้อน มีต้นทุนอยู่ที่ 15 บาท แต่ ขสมก.เก็บค่าโดยสารเพียง 6.50 บาทต่อเที่ยว-คน หรือขาดทุนอยู่ 8.50 บาทต่อเที่ยว-คน จึงมองว่าควรปรับค่าโดยสารรถเมล์ร้อนเป็น 10-12 บาทต่อเที่ยว-คน เพื่อลดภาระการขาดทุนของ ขสมก. ส่วนรถเมล์ปรับอากาศมีต้นทุนเฉลี่ย 20 บาทต่อเที่ยว-คน แต่ปัจจุบัน ขสมก.จัดเก็บค่าโดยสารตามระยะทางระหว่าง 13-26 บาทต่อเที่ยว-คน

“ดังนั้น ถ้าต้องการสะท้อนต้นทุนค่าโดยสารที่แท้จริง ก็ควรเก็บค่าโดยสารรถเมล์ปรับอากาศเป็นราคาเดียวตลอดเส้นทาง โดยมีอัตราระหว่าง 20-25 บาทต่อเที่ยว-คน จึงจะทำให้ ขสมก.อยู่ได้ ทั้งนี้ ข้อมูลเป็นเพียงผลการศึกษาเบื้องต้น ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดและปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม คาดว่าจะสรุปผลศึกษาการปรับขึ้นค่าโดยสารทั้งหมดเสนอให้ ขสมก.พิจารณาได้ช่วงต้นปีหน้า” ผู้อำนวยการทีดีอาร์ไอกล่าว

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์