จับตาสถานการณ์น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ระบายผ่านสปิลเวย์ 10 ล้านลบ.ม. ระดับน้ำแควน้อยสูง 1 ม.

DCIM/100MEDIA/DJI_0371.JPG

เผยเขื่อนวชิราลงกรณ ระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ 10 ล้านลบ.ม. ระดับน้ำลำน้ำแควน้อยสูงเฉลี่ย 1 เมตร อ.ไทรโยคน้ำสูงสุด เหตุลำน้ำแคบ ส่วนเมืองกาญจน์ เพิ่ม 20-30 ซม. ขณะที่เขื่อนศรีนครินทร์ไม่น่าห่วง

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ข้อมูลสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีความจุอ่าง 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ 155 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) โดยข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม เวลา 07.00 น. มีปริมาณน้ำในเขื่อน 8,065 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 91% โดยวานนี้ (23 สิงหาคม ) มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 60.10 ล้าน ลบ.ม. และระบายออก 48.24 (รวมระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ 6.20 ล้าน ลบ.ม.แล้ว) ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้อีก 795 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ หากสถานการณ์น้ำมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการปรับแผนระบายน้ำเขื่อนวชิราลงกรณจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้ง

สำหรับการเปิดประตูระบายน้ำผ่านช่องทางสปิลเวย์ ที่มีจำนวน 2 บาน โดยยกบานสปิลเวย์ขึ้นข้างละ 50 เซนติเมตร คิดเป็นอัตราการไหลของน้ำ 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 10.3 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทั้งนี้ขอชี้แจงว่าการระบายน้ำผ่านสปิลเวย์ ไม่ได้เกิดจากภาวะวิกฤติ แต่เป็นเรื่องปกติของการบริหารจัดการน้ำ เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนซึ่งมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณน้ำกักเก็บเกินกว่าเกณฑ์ควบคุม จึงจำเป็นต้องพร่องน้ำเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน

ขณะที่เดียวกันก็ยังคงระบายน้ำผ่านช่องทางปกติวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมเป็นวันละ 53 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าวจะส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำแควน้อยสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ไทรโยค เนื่องจากลำน้ำแคบ มีลักษณะเป็นคอคอด แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในลำห้วยที่จะไหลเข้ามาเติมในลำน้ำแควน้อยด้วย ซึ่งหากไม่มีน้ำในล้ำห้วยมาเติม ก็อาจทำให้ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง เพราะที่ผ่านมาได้มีปริมาณน้ำจากลำห้วยไหลมาเติมอีกวันละ 30 ล้าน ลบ.ม. จึงส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำแควน้อยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมวลน้ำก้อนแรกที่จะเดินทางไปถึงพื้นที่ อ.ไทรโยค จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง และจะไหลไปถึงพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน โดยมีระยะทางทางน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณไปจนถึงอำเภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 250 กม. และคาดการณ์ว่าจะมีระดับสูงเฉลี่ยประมาณ 20-30 เซนติเมตร เนื่องจากพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรีมีลำน้ำกว้าง โดยภาพรวมคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ท้ายน้ำมากนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว อีกทั้งผู้ที่อยู่ท้ายน้ำตลอดลำน้ำแควน้อย ต่างก็ได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาเขื่อนฯ ได้มีการแจ้งเตือนผู้ที่อยู่ท้ายน้ำล่วงหน้ามาโดยตลอด อย่างไรก็ตามจะได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ท้ายน้ำตลอดเวลา เพื่อนำมาวางแผนการบริหารจัดการน้ำในเหมาะสมและให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำให้น้อยที่สุดต่อไป

ในส่วนของระยะทางและระยะเวลาการเดินทางของน้ำที่ไหลจากเขื่อนวชิราลงกรณไปตามลำน้ำแควน้อยไปจนถึงอำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งมีสถานีโทรมาตร กฟผ. 4 สถานี รวมระยะทางประมาณ 251.3 กม. และมีระยะทางถึงเขื่อนแม่กลอง อ.ท่าม่วง 264.2 กม. ดังนี้ TD 15 วัดใหม่ดงสัก ต.ลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ มีระยะทางทางน้ำ 57.6 กม. โดยมวลน้ำก้อนแรกจะใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 8 ชม. และระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดจะใช้เวลา 23 ชม. TD 12 วัดวังโพธิการาม อ.ไทรโยค มีระยะทางทางน้ำ 148.7 กม. จากเขื่อน และห่างจากสถานีวัดใหม่ดงสัด 91.13 กม. โดยมวลน้ำก้อนแรกจะใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 20 ชม. และระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดจะใช้เวลา 41 ชม.TD 10 ท่าน้ำบ้านแก่งหลวง ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีระยะทางทางน้ำ 233.6 กม. จากเขื่อน และห่างจากสถานีวัดวังโพธิการาม 84.89 กม. โดยมวลน้ำก้อนแรกจะใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 42 ชม. และระดับน้ำจะขึ้นสูงสุดจะใช้เวลา 72 ชม. TD 04 ท่าน้ำวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีระยะทางประมาณ 251.3 กม. จากเขื่อน และห่างจากสถานีท่าน้ำบ้านแก่งหลวง 17.73 กม. แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ราบ ส่งผลให้ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นไม่มีความแตกต่างมากนัก ซึ่งจากการคำนวณจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน มวลน้ำก้อนแรกจะไปถึงตัวเมืองกาญจนบุรี

ด้าน นายประเสริฐ อินทับ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ (อขศ.) อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 175.31 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) เป็นปริมาณน้ำ 15,845.13 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 89.29% โดยวันนี้มีแผนการระบายน้ำ 22 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่วานนี้ (23 ส.ค.61) มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ 40.35 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ระดับ 175.29 ม.รทก. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 22 สิงหาคม 2651 (175.25 ม.รทก.) 4 เซนติเมตร และได้มีการระบายน้ำออกตามแผนการระบายน้ำ 21.63 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเขื่อนศรีนครินทร์ยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีก 1,899.97 ล้านลูกบาศก์เมตร (10.71%) จึงทำให้มั่นใจได้ว่าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ยังคงสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก โดยไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของตัวเขื่อน รวมไปถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชนด้านท้ายน้ำ

สำหรับปริมาณน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะ 1% ของการกักเก็บน้ำของเขื่อนสามารถรับน้ำได้มากกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้นเขื่อนยังสามารถรองรับน้ำได้อีกนาน 2-3 เดือน

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์