อ่วม!”ป๋าติ๊ก-ป๋ากบ”ผู้จัดการ”วิคตอเรียซีเครท”คุก 2 สำนวน 18 ปี 16 เดือน ยกฟ้อง”ค้ามนุษย์”

จำคุกอ่วม ”ป๋าติ๊ก-ป๋ากบ” ผู้จัดการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท 2 สำนวน 18 ปี 16 เดือน ค้าประเวณีเด็กสาวต่างด้าวอายุไม่เกิน 15 และไม่เกิน 18 ปี ยกฟ้องค้ามนุษย์อัยการเล็งอุทธรณ์ต่อ

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านนคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์อาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ซึ่งเป็นเด็กหญิงต่างด้าวชาวเมียนมา อายุไม่เกิน 15 ปี และเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ที่อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ยื่่นฟ้องนายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการ กับพวกรวม 2 สำนวน

โดยสำนวนแรก คดีหมายเลขดำ คม.25/2561 ศาลยกฟ้องนายบุญเฉลียว หรือเอส จันทร์พิมพ์ จำเลยที่ 1 (ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี) ซึ่งเป็นเพียงผู้ขี่วินรถจักรยานยนต์รับส่งผู้เสียหายระหว่างแมนชั่นที่พักกับที่ทำงานสถานอาบอบนวดโดยไม่ทราบว่าผู้เสียหายนั้นมีอายุเท่าใด และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี

ส่วน นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือป๋ากบ อายุ 55 ปี จำเลยที่ 2, นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 3 นั้นให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 (ทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)

สำหรับ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการนั้น ก็มีความผิดด้วย แต่ให้ลงโทษสถานเบาเนื่องจากเป็นการกนะทำโดยส่วนตัวไม่ใช่โดยห้างหุ้นส่วน ก็ให้จำคุก 8 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี)

โดยให้ยกฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5

ADVERTISMENT

และให้จำคุก 6 ปี นายเดชา หรือสิงห์สาครเดชา จำเลยที่ 6 (จำเลยได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ.2539 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามกานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรข้ามชาติ พ.ศ.2556 โดยจำเลยเป็นขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม.ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย

ทั้งนี้ศาลให้ยกฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ เพราะพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังให้ลงโทษ

ADVERTISMENT

ส่วนสำนวนที่ 2 หมายเลขดำ คม.26/2561 ซึ่งเป็นการฟ้องว่าได้ร่วมกระทำผิดต่อเด็กสาวอายุกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปีนั้น ศาลมีคำพิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 1 , นายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ จำเลยที่ 2 , นายชัยณรงค์ หรือป๋าสง่า จำเลยที่ 3 , นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือพี่ป๊อป อายุ 29 ปี มีความผิดเป็นธุระจัดหาฯ จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน (จำเลยทั้งสามถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)

อย่างไรก็ดีรวมจำคุก นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ กับนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ ทั้ง 2 สำนวนแล้ว จำคุกทั้งสิ้น 18 ปี 16 เดือน

ส่วนน.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ จำเลยที่ 6 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี) ทั้งนี้รวมจำคุกทั้ง 2 สำนวนแล้ว รวมจำคุก 7 ปี 14 เดือน

โดยให้ยกฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 กับบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด จำเลยที่ 7 ที่เป็นเพียงนิติบุคคลเรื่องการเช่าสถานที่ และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ได้เปิดเผยว่า จะทำความเห็นเสนอให้อุทธรณ์คดีทั้ง 2 สำนวนนี้ต่อไปในส่วนที่มีการยกฟ้องข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ด้วย

ขณะที่ในส่วนของนายมนัสหรือป๋านัส อ่วมทับ อายุ 48 ปี และนายสมชายหรือป๋าต้น แสงอุดม อายุ 52 ปี จำเลยร่วม ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานเชียร์แขก ที่แยกฟ้องอีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ คม.24/2561 เพราะจำเลยให้การรับสารภาพนั้น ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 กันยายน นี้ เวลา 09.00 น.

 

ที่มา : มติชนออนไลน์