สภาวิศวกร ชี้บทเรียนเครนถล่มซ้ำซาก แนะผู้ประกอบการเข้มงวดการตรวจสอบงานก่อสร้าง-บำรุงรักษาอย่างเคร่งครัด

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เครนถล่มขณะกำลังก่อสร้างคอนโดมีเนียม The Rise Rama 9 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 รายนั้น เหตุการณ์เครนถล่ม ขณะกำลังก่อสร้างนั้น เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในการก่อสร้างสะพานทางวิ่งรถไฟฟ้ายกระดับ และอาคารสูง เช่น เครนถล่มขณะก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อปี 2559 เครนก่อสร้างถล่มขณะก่อสร้างโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณหน้าวัดดอนเมืองเมื่อปี 2560 และเครนก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติ บริเวณถนนพระราม 9 เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เครนหรือปั้นจั่นคือ เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ใช้ในการยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของ เครนที่ใช้ในการก่อสร้างโดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 1. ทาวเวอร์เครน (Tower crane) มีลักษณะหอสูงตั้งอยู่กับที่ และมีรัศมีทำการรอบตัวเครน 2. โมบายเครน (Mobile crane) เครนตั้งอยู่บนล้อรถที่เคลื่อนที่ได้

สำหรับเครนก่อสร้างโครงการ The Rise Rama 9 จัดเป็นประเภท Tower Crane มีความสูง 30 เมตร มีปลายแขนหรือบูมทำการในช่วงความยาว 40 เมตร สภาวิศวกรได้ร่วมกับสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารได้ส่งผู้ชำนาญการ เข้าเก็บข้อมูลการพังถล่มเป็นเบื้องต้นแล้ว เมื่อวันที่ 30 สค. 61 ที่ผ่านมา โดยได้รับการประสานงานจากสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง

สำหรับสาเหตุการพังถล่มของเครนตัวนี้ ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ ต้องรอผลการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากภาคสนามเสียก่อนจึงจะสามารถระบุได้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

ศ.ดร. อมรกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเครนก่อสร้างอาจถล่มด้วยสาเหตุหลายประการ ได้แก่ 1. การยกน้ำหนักหรือสิ่งของเกินพิกัดน้ำหนัก 2. การไม่ยึดเครนเข้ากับโครงสร้างอาคารให้มั่นคง

3. ชิ้นส่วนตลอดจนรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ไม่แข็งแรง หรือมีจุดยึดไม่พอ 4. อายุการใช้งานเครนและการเสื่อมสภาพ เช่น การเกิดสนิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณฐานเครน 5. ฐานรากที่รองรับเครนไม่แข็งแรงพอ 6. ความผิดพลาดของพนักงานที่ปฏิบัติงานในขั้นตอนการทำงาน

“การถล่มของเครนก่อสร้างอาจเกิดได้หลายกรณี ทั้งปัจจัยความแข็งแรงในการรับน้ำหนักของตัวเครนเอง หรือปัจจัยบุคคลที่ปฏิบัติงานอยู่ การวิเคราะห์หาสาเหตุจึงต้องทำอย่างถี่ถ้วนและครอบคลุมปัจจัยทุกด้านอย่างครบถ้วน และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด”

อย่างไรก็ตาม ศ.ดร. อมรกล่าวว่า การใช้งานเครนให้ปลอดภัยนั้นจะต้องทำการตรวจสอบและบำรุงรักษา ดังนี้

1. การตรวจสอบประจำวันตามรายการตรวจสอบโดยพนักงานควบคุมเครน และ 2. การตรวจสอบเพื่อซ่อมบำรุงตามรอบเวลา เช่น ทุก 3 เดือนหรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด เช่นเดียวกับการเอารถยนต์เข้าตรวจเช็คระยะนั่นเอง

“ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ พนักงานควบคุมเครน ต้องผ่านการอบรมและต้องมีจิตสำนึกที่ไม่ประมาทและต้องปฏิบัติตามข้อหนดการใช้งานอย่างเคร่งครัด”