ไข้เลือดออกเสียชีวิตพุ่ง! 60 ราย เกินครึ่งพบในผู้ใหญ่

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อติดตามผลและสั่งการเรื่องการดูแลสุขภาพประชาชน ถึงกรณีสถานการณ์ไข้เลือดออก ว่าจากการติดตามสถานการณ์ไข้เลือดออกตอนนี้ถือว่าดีขึ้น คือมียอดผู้ป่วยไข้เลือดออกตั้งแต่เดือนสิงหาคมลดลง น้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ เพราะประชาชนโดยเฉพาะระดับชุมชนหมู่บ้านให้ความร่วมมือในการกำจัดลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ประสบความสำเร็จ

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์ไข้เลือดออกดีขึ้น แต่ปัญหา คือพบว่าอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่ เพราะไม่คิดว่า ไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบในเด็ก จึงไม่ได้ระวังตัวเอง คิดว่าเป็นเพียงไข้หวัด จึงซื้อยามากินเอง พออาการรุนแรง ช็อกก็รักษาไม่ทัน จึงต้องขอเตือนว่าในช่วงนี้แม้ว่าจะพบไข้หวัดมากกว่าแต่ก็อย่าละเลยเรื่องไข้เลือดออก ซึ่งเป็นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาแอสไพริน เอ็นเสด ไอบูโพรเฟน เป็นต้น ดังนั้นขอให้ทุกคนตระหนัก ระวังอย่าให้ยุงกัด ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพราะต้องไม่ลืมว่าการพ่นยากำจัดยุงเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาช่วยเรื่องการป้องกันเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการกำจัดลูกน้ำยุงลาย และแหล่งเพาะพันธุ์

“จากการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยไข้เลือดออกอยู่ที่ประมาณ 58,000 ราย คิดเป็นอัตราป่วยอยู่ที่ 8 ต่อแสนประชากร ส่วนยอดเสียชีวิตพบกว่า 60 ราย คิดเป็นอัตราเสียชีวิตที่ 0.14 ต่อแสนประชากร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ควรเป็นคือ 0.11-0.12 ต่อแสนประชากร ที่น่าสนใจคือเกินครึ่งหนึ่งของยอดผู้เสียชีวิตเป็นวัยผู้ใหญ่ จากเดิมที่จำนวนคนเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออกประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นกลุ่มเด็ก ซึ่งนับเป็นลักษณะใหม่ของการระบาดของไข้เลือดออก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา” นพ.โอภาสกล่าว

 


ที่มา : มติชนออนไลน์