บุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือ’บิ๊กตู่’เลื่อนประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ

วันที่ 19 กันยายน เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสภาพลังงานเพื่อประชาชน จัดแถลงข่าวเปิดเปิดตัวสภาพลังงานเพื่อประชาชน และได้มีการนำเสนอข้อเรียกร้องให้ภาครัฐชะลอการเปิดยื่นซองยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจทะเลอ่าวไทย G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และ G2/61 (แหล่งบงกช) ในวันที่ 25 กันยายนนี้ออกไป โดยหลังจากการแถลงข่าวตัวแทนจากสภาพลังงานฯ พร้อมทั้งประชาชนเครือข่ายรวมกว่า 100 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ประตู 4 เวลา 13.00 น.

นายทศพล แก้วทิมา ตัวแทนสภาพลังงานเพื่อประชาชน และแกนนำกลุ่ม กองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย(กคป.) กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของสภาพลังงานเพื่อประชาชนที่จะเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในระยะเร่งด่วน คือ ให้มีการเลื่อนการยื่นซองประมูลของเอกชนในวันที่ 25 กันยายนออกไป และให้มีการไข้ข้อกำหนดการประกวดราคา(ทีโออาร์) แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณใหม่ เพราะไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยระบบจัดสรรปิโตรเลียมจากการใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตที่รัฐได้ส่วนแบ่งเพียง 30% ของปริมาณปิโตรเลียมที่ขุดได้ซึ่งมีลักษณะเหมือนเป็นระบบสัมปทานจำแลง โดยให้เปลี่ยนไปใช้ระบบการจ้างผลิต ซึ่งจะทำให้รัฐได้ผลประโยชน์สูงถึง 80-90% รวมทั้ง ขอให้มีการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติเพื่อบริหารจัดการ ทั้งนี้ ขอให้มีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มลง 3 บาทต่อกิโลกกรัม

หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายพลังงานและทรัพยากร มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ไทยมีมูลค่าผลิตปิโตเลียม น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ รวมกัน 4-5 แสนล้านบาทต่อปี คิดเป็นอันดับ 34 ของโลก ทั้งนี้ สำหรับแหล่งบงกลและแหล่งเอราวัณ มีน้ำมันดิบคิดเป็นกว่า 70% หรือมูลค่ารวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท หากไทยได้ส่วนแบ่งเพียง 30% ของปริมาณที่ขุดได้ ถือว่าต่ำสุดในอาเซียน แต่หากใช้วิธีการจ้างผลิตอย่างประเทศมาเลเซีย ค่าจ้างไม่เกิน 20% ของมูลค่า ดังนั้น ไทยได้ผลประโยชน์ 1.8 แสนล้านบาท จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐชะลอ เพราะหากเปิดยื่นซองยื่นปิดซอง มีการเซ็นสัญญาแล้วจะแก้ปัญหาได้ยาก

นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มูลค่าที่จะเกิดขึ้นจากทั้งสองแหล่งปีละกว่า 2 แสนล้านบาท หากคิดตามระยะเวลาที่รัฐให้กับเอกชน 36 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 7.2 ล้านล้านบาทเป็นมูลค่ามหาศาล ทำให้มีการเขียนทีโออาร์ที่ไม่เที่ยงธรรมเบี่ยงเบน อาทิ ระบบการจ้างผลิตเกิดไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยกำหนดว่าการจ้างผลิตที่จะเกิดขึ้นแหล่งปิโตรเลียมต้องมีการสำรองน้ำมันไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาร์เรล ทั้งที่ประเทศไทยมีน้ำมันสำรองอยู่เพียง 280 ล้านบาเรล ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ มีการล็อคสเปคให้กับบริษัทใหญ่เท่านั้นที่จะเข้าประมูลได้ หากแยกประมูลเป็นแปลงย่อยก็สามารถมีบริษัทเข้ามาได้หลากหลาย แต่เมื่อนำมารวมแปลงเหลือเพียง 2 แปลง ทำให้บริษัทใหญ่เท่านั้นที่ประมูลได้ อีกทั้งน่าจะมีการล็อคสเปคซื้อก๊าซธรรมชาติในราคาถูก เพราะไม่มีการตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติและให้เอกชนเป็นผู้เลือกผู้ที่จะเข้ามาซื้อเองโดยลักษณะการเจรจา ซึ่งเปิดช่องให้มีการทุจริตได้ ทั้งนี้ ทีโออาร์มีการกำหนดคะแนนการให้ส่วนแบ่งกับรัฐเพียง 25% เท่านั้นอาจจะทำให้เสียประโยชน์ อย่างไรก็ดี ได้มีการไปยื่นห้องต่อศาลปกครองกลางแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกระบวนการศาล แต่รัฐบาลยังจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อโดยไม่รอจึงต้องออกมาเรียกร้อง

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาพูดในนามพรรคการเมือง หรือหาเสียง แต่ต้องการมาพูดในนามประชาชนทุกคน เห็นได้ชัดว่าทีโออาร์น่าจะมีการล็อคสเปคซึ่งถือเป็นการทุจริต ทั้งนี้ หากผลกระโยชน์จากแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช หากจ้างผลิตรัฐจะได้ประโยชน์กว่า 1.8 แสนล้านบาท สามารถนำมาแจกประชาชนคนไทย ที่มีอยู่ 70 ล้านคนได้สบายคนละ 1 ล้าน ทำให้พ้นจนได้ทันที และส่วนที่เหลือนำงบไปเพิ่มให้กับกระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาประเทศและประชาชน ส่วน กระทรวงกลาโหมไม่ต้องให้งบมากเพราะซื้ออาวุธมาแต่ก็ไม่ได้ใช้ โดยขอใช้การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ชาติ

นายแพทย์รวี มาศฉมาดล ตัวแทนสภาพลังงานเพื่อประชาชน กล่าวว่า หลังจากยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนเป็นต้นไปจะรณรงค์ให้มีการติดริบบิ้นดำที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนร่วมสนับสนุนผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ change.org อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง วันที่ 24 กันยายน จะประสานตัวแทนพลังงานของทุกจังหวัดไปยื่นผู้ว่าราชการจังหวัด และในส่วนกลางจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 ทั้งนี้ หากวันที่ 25 กันยายน รัฐยังมีการเปิดยื่นซองประมูลจะมีการยกระดับ เช่น รวมตัวกันวิ่งเพื่อปฏิรูปพลัง รวมทั้งสภาฯ จะมีการยื่นฟ้อง รัฐบาล รัฐมนตรีพลังงาน และผู้เกี่ยวข้องกรณีนี้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ต่อไป

ที่มา:มติชนออนไลน์