“บิ๊กโจ๊ก”เร่งประสาน ปปง.เช็กเส้นทางเงิน คดีโกงเงินสหกรณ์ตร.เลย เงินหมุนเวียน6พันล้าน

เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ขอนแก่น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าคดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์ออกทรัพย์ข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดเลยกว่า 200 ล้านบาท ว่าในวันนี้มีเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมบางส่วนเดินทางเข้ามามอบตัว และมีความประสงค์ที่จะคืนเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมที่เข้ามอบตัวในวันนี้ เป็นผู้พิพากษา 1 ราย และอัยการ 2 ราย จากการสอบสวน มุ่งเน้นดำเนินคดีทางอาญาอย่างจริงจัง ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน โดยได้ให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อนำทรัพย์สินคืนสู่ประชาชนและตำรวจชั้นผู้น้อย โดยจะไม่ใช่คดีอาญามาต่อรองให้ชดใช้ค่าเสียหาย เพราะการเยียวยาเป็นเรื่องของการสำนึกผิด คาดว่าจะใช้เวลาการสอบสวนไม่เกิน 1 เดือนจะแล้วเสร็จ และจะสามารถส่งฟ้องต่อศาลได้

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าของการสอบสวน ดำเนินคดี ขณะนี้คืบหน้าไปมาก เพราะมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 17 ราย และมีคำสั่งให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร.แล้ว 15 ราย รวมถึงให้ข้าราชการตำรวจระดับสูงออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมด ส่วนแนวทางการสอบสวนคดีนี้ จะมุ่งทิศทางเป็น 2 ส่วน คือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และการเจรจาประณีประนอมในการคืนทรัพย์สินให้กับผู้เสียหาย และยังมีการขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ด้วย เพราะเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก รวมถึง ขณะนี้ยังมีการตรวจสอบสถาบันการเงิน ซึ่งมีสถาบันการเงินบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือ และหากการตรวจสอบพบว่ามีสถาบันใดที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด และเบื้องต้นทราบแล้วสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับความเสียหายยังสามารถเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ได้อย่างต่อเนื่อง เพระตอนนี้ยังมีจำนวนน้อย ซึ่งที่เห็นชัดเจนคือตำรวจชั้นผู้น้อย จึงฝากไปยังประชาชนให้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ตลอดเวลา

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จังหวัดของแก่น มีการประชุมติดตามความคืบหน้าถึงเส้นทางการเงิน และพยานหลักกฐานต่างๆ ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานเอกสารต่างๆ และประชุมเร่งรัดผลของการยึดทรัพย์และการอายัดเงิน โดยมีพลตำรวจโทสุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และพลตำรวจตรีกฤษกร พลีธัญวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง เป็นประธานการประชุม

พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ต้องสอบปากคำพยานบุคคล 336 ปาก ซึ่งขณะนี้ทยอยเข้ามาให้สอบปากคำอย่างต่อเนื่อง และจะต้องคัดแยกพยาน และดูถึงเจตนาการรับเงินว่ามีเจตนารู้เห็นหรือไม่ ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาขณะนี้แจ้งไปแล้วทั้ง 17 ราย ส่วนจะแจ้งบุคคลใดเพิ่มเติมต้องดูจากพยานหลักฐานประกอบกับเส้นทางการเงินที่ตรวจสอบพบ

ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง. บอกด้วยว่า ส่วนของ ปปง.จะตรวจสอบหาเส้นทางการเงินเพื่อไปประกอบสำนวนการสอบสวน ในการเอาผิด ขณะนี้เริ่มเห็นเส้นทางการเงินชัดเจน ว่าจุดเริ่มต้นคือใคร ทำให้ไปดูเส้นทางการเงิน และตรวจสอบว่าใครเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง และใครที่เป็นผู้เกี่ยวข้อง ส่วนที่ดำเนินคดีไปแล้วนั้น เป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น แต่กรณีนี้ มี 6 กลุ่ม เงินหมุนเวียนทั้ง 6 กลุ่มมูลค่ากว่า 5-6 พันล้าน สำหรับสถาบันการเงิน เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในรูปแบบ การลงทุนในลักษณะของหุ้น ที่ทำผ่านสถาบันการเงิน โดยใช้โบรกเกอร์

 


ที่มา : มติชนออนไลน์