สสจ.พบคนเมืองเลย สารเคมีในเลือดมากเกินปกติ สูงถึง 35 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 22 กันยายน จากข้อมูลของเกษตรจังหวัดเลย พบว่า จ.เลยมีพื้นที่การเกษตร ทั้งทำไร่ ทำนา ปลูกยางพารา ปลูกผลไม้ จำนวนกว่า 2 ล้านไร่ เฉลี่ยการใช้สารเคมีไร่ละ 3 ลิตร รวมทั้ง จ.เลยมีการใช้สารเคมีแต่ละปีเกือบ 7 ล้านลิตร และจากการตรวจสุ่มของสาธารณสุขจังหวัดเลย พบผักที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไปมีสารเคมีตกค้างเกินค่ามาตรฐาน EU 30-40% และยังตรวจร่างกายคนในจังหวัดพบสารเคมีในเลือดสูงถึง 35%

นายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นพ.สาธารณสุขจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ประชากรใน จ.เลยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จึงมีอัตราการใช้สารเคมีจำนวนมากและเป็นอัตราที่สูง จากการใช้สารกำจัดวัชพืช หรือยาฆ่าหญ้า เฉพาะใน รพ.อำเภอด่านซ้าย ตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงเดือนสิงหาคม พบผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลัน ตามประวัติใช้ยาฆ่าหญ้ากว่า 39 ราย ซึ่งเราก็พบจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ปลูกในเกษตรกรเอง คนขายแม่ค้าในตลาด ผู้บริโภค สัดส่วนของสารเคมีอยู่ในเลือดสูงเกินกว่าปกติ สูงถึง 35% ของจำนวนที่เราตรวจ และพบมีสารเคมีในเลือดพอกันกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าประชาชน ข้าราชการเองก็พบในอัตราที่สูงเหมือนกัน ทุกอาชีพมีความเสี่ยงเท่ากันหมด ทำให้เห็นภาพสะท้อนว่า จ.เลยมีการใช้สารเคมีค่อนข้างมาก ซึ่งทาง สสจ.เองก็พยายามกระตุ้นให้ความรู้กับประชาชนว่า ในกระแสเลือดของพวกเรามียาฆ่าแมลงอยู่มากน้อยแค่ไหน และมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน สมควรแล้วหรือยังที่ควรจะลดหรือเลิกการใช้ หรือถ้าจะใช้ก็ต้องใช้ตามหลักวิชาการให้ถูกต้อง และผู้ใช้ต้องมีความรับผิดชอบ ตั้งแต่เกษตรกร แม่ค้า ผู้บริโภคต้องรู้จักเลือกบริโภค

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์