ประกาศกม.ถอนสภาพสาธารณสมบัติแผ่นดินฯ หลังกรมแผนที่ทหารเลิกใช้ประโยชน์

วันที่ ๒๔ ก.ย. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๖๑

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานครอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า“พระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวังเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๖๑”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะของที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. ๕๐๒๙ หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ ๖๐/๒๔๗๘ เนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๙๓ ตารางวา ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากที่ราชพัสดุแปลงหมายเลข ทะเบียนที่ กท. ๕๐๒๙ หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ ๖๐/๒๔๗๘ เนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๙๓ ตารางวา ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีสภาพเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ และเดิมอยู่ในความครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ ในราชการของกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ปัจจุบันกรมแผนที่ทหารได้เลิกใช้ เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะและไม่ประสงค์จะสงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์เช่นนั้นอีกต่อไป สมควร ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าว ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ เพื่อมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการ ตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้