เปิดใจก่อนเกษียณ ‘พ่อเมืองนครพนม’ สุดภาคภูมิใจ ร่วมพัฒนาเมืองขึ้นชื่ออีสาน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเป็นช่วงสุดท้ายของการรับราชการ ในตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 40 และครบกำหนดเกษียณอายุราชการ 60 ปี ในวันที่ 30 ตุลาคม นี้ หลังตนได้มาดำรงตำแหน่ง เริ่มจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 และได้รับแต่งตั้ง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม วันที่ 1 ตุลาคม 2558 รวมทำงานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วม 33 เดือน

ยอมรับว่าที่ผ่านมามีความภาคภูมิใจ ที่ได้ ร่วมขับเคลื่อน พัฒนาจังหวัดนครพนม ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การคมนาคม ขนส่ง ไปจนถึงการพัฒนาอาชีพของประชาชน ในพื้นที่ 12 อำเภอ ทำให้ปัจจุบัน ยอมรับว่า จ.นครพนม กลายเป็นเมือง เศรษฐกิจการค้า ชายแดน ที่สำคัญของภาคอีสาน มีสถานที่สำคัญ หลายแห่ง อาทิ สะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน

ซึ่งถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจเชื่อมไปยัง ลาว จีน เวียดนามที่สั้นที่สุด นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ คือ องค์พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช รวมถึงเส้นทางจักรยานริมน้ำโขง ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จังหวัดนครพนม ได้ร่วมกับภาครัฐเอกชน ประชาชน ได้มีการขับเคลื่อนพัฒนา ทั้งเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน

โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ตนได้ส่งเสริม พัฒนาต่อเนื่อง จนได้ชื่อว่า เมืองสามที่สุด ที่จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว เข้ามาในพื้นที่ ประกอบด้วย สวยงามที่สุด คือ 1. สะพานมิตรภาพสาม 2. งามที่สุดคือ ทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง เส้นทางจักรยานยาวที่สุด รวมถึงพญาศรีสัตตนาคราช พญานาคศักดิ์สิทธิ์ริมโขง และ 3 คือ องค์พระธาตุพนม ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด รวมถึงพระธาตุประจำวันเกิด 8 พระธาตุ ที่ตั้งตามอำเภอต่างๆ ทำให้ จ.นครพนม มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามามากขึ้น พบว่าจากสถิติ ในช่วง 2 -3 ปี ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง จากปีละ 4 -5 แสนคน

ปัจจุบันเพิ่มเป็นปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน ส่งผลดีดี ต่อการค้า ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก มีลูกค้าใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ เพิ่มขึ้นทุกปี มีเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลาย 100 ล้านบาท

นายสมชายกล่าวอีกว่า ล่าสุดต้องยอมรับว่า จ.นครพนม มีความเติบโตทุกด้านแบบก้าวกระโดดเกินคาด ยิ่งเรื่องการท่องเที่ยว หลังมีการก่อสร้างแลนด์มาร์คศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม หรือพญาศรีสัตตนาคราช ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว มาสักการบูชาขอพรมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ให้สวยงาม ควบคู่กับการก่อสร้างเส้นทางจักรยาน เลียบน้ำโขงที่สวยงามที่สุด ระยะทางยาวกว่า 60 กิโลเมตร งบประมาณเกือบ 500 ล้านบาท ประกอบด้วย เส้นทางปั่นจักรยานสวรรค์ชายโขง ซุ้มเทพประทานพร และอุโมงค์นาคราช ถือว่าเป็นจุดไฮไลน์สำคัญ นอกเหนือจาก องค์พระธาตุพนม และพญาศรีสัตตนาคราช ยังได้มีโอกาสมีออกกำลังกาย ท่วมกลางธรรมชาติสองฝั่งโขง

“มาถึงวันนี้ ครบ 232 ปี เมืองนครพนม ตนในฐานะพ่อเมืองนครพนม คนที่ 40 ยอมรับว่าภูมิใจที่สุด ในการได้ รับใช้ชาวนครพนม ร่วมพัฒนาจังหวัดนครพนม ทำงานจนมาถึงวันสุดท้ายของอาชุราชการ เชื่อมั่นว่า ในอนาคต จ.นครพนม จะมีการเติบโตทุกด้านไม่หยุด หากมีการพัฒนาต่อยอดด้านการคมนาคมขนส่ง มีรถไฟรางคู่ เส้นทางคมนาคม ที่สะดวกปลอดภัย เชื่อมไป ยังจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ที่เคยได้รับการขนานนามว่า เมืองแห่งความสุข ให้เป็นเมือง เกษตรปลอดภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการรักษาส่งเสริมขนบธรรมเนียมอันดีงาม ควบคู่กับการสร้างเศรษฐกิจชุมชน
โดยในปี 2561 ได้นำร่อง พัฒนา 50 หมู่บ้าน ต้นแบบ ในการส่งเสริม อาชีพชุมชนภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงการส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีชนเผ่า และจะต้องมีการขับเคลื่อนต่อเนื่อง มั่นใจว่าอนาคต จ.นครพนม จะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวชายแดน ที่สำคัญ อันดับต้นๆ ของภาคอีสานและจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายเท่าตัว อย่างแน่นอน มาถึงวันนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน ที่ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา และได้ร่วมสร้างนครพนม เป็นเมือง 3 ที่สุดให้ทั่วโลกได้รู้จัก” นายสมชายกล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์