“สรจักร เกษมสุวรรณ” ร้องดีเอสไอเอาผิดอดีตผู้บริหารระดับสูง มูลนิธิเพื่อสันติภาพฯยักยอกเงินบริจาค

เมื่อวันที่เวลา 09.00 น.วันที่ 4 ต.ค.ที่กรมสอบสวนคีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการมูลนิธิเพื่อสันติภาพและความปรอง ดองเอเชีย (API) เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิฯ รายหนึ่งที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินบริจาคของมูลนิธิฯ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่อง

นายสรจักรกล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจให้เป็นตัวแทนมูลธิเพื่อสันติภาพและความปรองดองแห่งเอเชีย ที่มีนายเตช บุนนาค เป็นประธานมูลนิธิฯ โดยในช่วงปลายปี 2560 ถึงต้นปี 2561 ตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานเป็นผู้รับเงินบริจาคและเป็นผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิฯ ใช้ชื่อบุคคลภายนอกเพื่อรับเงินจากผู้บริจาค แล้วไม่นำเงินเข้าบัญชีของมูลนิธิตามปกติ นายเตชจึงแต่งตั้งให้ตนเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ามีการยักยอกเงินจริง เบื้องต้นความเสียหายประมาณ 500,000 บาท แต่ยังไม่ใช่ตัวเลขที่ชัดเจน เพราะยังมีการบริจาคในรูปของเงินสดซึ่งไม่สามารถรู้ตัวเลขที่ชัดเจน จึงต้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบบัญชีเงินฝากย้อนหลังทั้งหมด

 นายสรจักรกล่าวอีกว่า มูลนิธิเพื่อสันติภาพและความปรองดองแห่งเอเชียจัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์ และสร้างความปรองดองในเอเชียในด้านต่างๆเช่น การสร้างสันติภาพในทะเลจีนใต้ การทูต การเมือง นโยบายความปรองดองในภูมิภาค การประนีประนอม ซึ่งมูลนิธิฯได้มีการรับปริจาคเพื่อสนับสนุนการทำงานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและการปรองดองแห่งเอเชีย( APRC) อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นคำร้องกับดีเอสไอแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหายักยอกทรัพย์กับบุคคลทั้ง 2 ราย คือ ผู้เปิดบัญชี และบุคคลระดับสูงที่มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเปิดเผยตำแหน่งก็ทราบทันทีว่าเป็นใคร

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า หลังจากดีเอสไอรับเรื่องแล้วจะตรวจสอบเอกสารข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ารายละเอียดในคดีมีมูลเพียงพอให้รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ คงต้องใช้เวลาเนื่องจากเอกสารที่นายสรจักรนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนั้นมีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษจะเสนอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้สอบสวนแต่หากไม่เข้าเงื่อนไข ตามกฎหมายจะประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงรับสำนวนคดีไปดำเนินการต่อไป

 

ที่มา : มติชนออนไลน์