ตำรวจรวบพี่ชาย’บูม-จิรพิสิษฐ์’ ดารานักแสดง คดีตุ๋นบิทคอยน์ 797 ล้าน คาสนามบิน

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2561 พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผบก.ป. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.2 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ว่าได้จับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญ ตามหมายจับของศาลอาญา ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป เดินทางไปประสานงาน

จากนั้นเข้าควบคุมตัว นายปริญญา จารวิจิตร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/22 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาเลขที่ 1693/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2561 ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ก่อนจะรีบนำตัว นายปริญญา เดินทางมาสอบสวนที่กองปราบปรามตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้ทนายความเข้าร่วมสอบสวนด้วย ทั้งนี้จะนำตัวนายปริญญาส่งฝากขังต่อศาลในวันนี้ เวลา 09.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ นายเออาร์นี่ โมตาวา ซาริมา อายุ 23 ปี เจ้าพ่อเงินอิเล็คทรอนิคตระกูลบิตคอยน์ ชาวฟินแลนด์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. โดยระบุว่า นายปริญญากับพวกได้ร่วมกันฉ้อโกงเงินบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 797 ล้านบาท ด้วยการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในตลอดหลักทรัพย์ แต่กลับมีการถ่ายเทเงินไปยังที่ต่างๆโดยไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันไว้

ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบได้สอบสวนขยายผลจนพบว่า คดีนี้มีผู้กระทำความผิดประกอบด้วย นายปริญญา ที่เป็นหัวโจกสำคัญในคดี นายธนสิทธิ์ จารวิจิตร นายจิรพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิตร ดารานักแสดง น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิตร 4 พี่น้อง และนายวิสิทธิ์ จารวิจิตร และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิตร บิดา-มารดา รวมทั้งผู้กว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ และผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

แต่ต่อมาผู้เสียหายได้มาถอนแจ้งความกับผู้กว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ และผู้บริหารบริษัทเอกชนไปแล้ว หลังจากตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นพนักงานสอบสวนได้ทยอยแจ้งข้อหาไปแล้ว ในฐานความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ขณะที่นายปริญญาได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกาก่อนที่หมายจับจะออกเพียงไม่กี่วัน

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ นายปริญญา ทำให้นายปริญญาต้องเดินทางกลับประเทศไทย


ที่มา:มติชนออนไลน์