“กทม.” ปรับภูมิทัศน์ตามเส้นทางริ้วขบวนคืบหน้าแล้วร้อยละ 60

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานตรวจการปรับปรุงภูมิทัศน์ตามเส้นทางริ้วขบวนพระอิสริยยศ งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประกอบด้วย การนำสายสื่อสารลงใต้ดิน การตัดแต่งกิ่งไม้ การปรับปรุงผิวจราจรและการก่อสร้างบ่อพักบริเวณพระเชตุพนวิมลมังคลารามวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ว่า ตามที่ กทม.ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบสายสื่อสารโดยรอบสนามหลวง ตามเส้นทางริ้วขบวนพระอิสริยยศ ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว เหลือเพียงการเก็บสารสื่อสารเล็กน้อยในบางจุด โดยให้หน่วยงานดำเนินการให้แล้วเสร็จร้อยละ 100 ก่อนวันที่ 27 กันยายนนี้ ขณะเดียวกัน สำนักสิ่งแวดล้อมได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงและแข็งแรง ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการปูหญ้าและประดับไม้ดอก เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มีความสะอาดเรียบร้อยและสวยงาม

นายจักกพันธุ์กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับปรุงผิวจราจรใน 9 จุด ประกอบด้วย ถนนมหาราช ถนนท้ายวัง ถนนสนามไชย ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ถนนพระจันทร์ และถนนจักรพงษ์ รวมทั้งบริเวณภายในท้องสนามหลวง ส่วนการปรับปรุงทางเท้าใน 7 จุด ได้แก่ ถนนมหาราช ถนนสนามไชย ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี และถนนพระจันทร์ รวมทั้งบริเวณภายในท้องสนามหลวง บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง เกาะกลางฝั่งด้านทิศเหนือของท้องสนามหลวง และเกาะกลางฝั่งด้านทิศใต้ของท้องสนามหลวง ปัจจุบันมีความคืบหน้าร้อยละ 60 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน และในส่วนการขยายบ่อสูบบริเวณวัดโพธิ์ โดยสำนักการระบายได้ขยายบ่อสูบให้ใหญ่ขึ้น และติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดไฟฟ้าจำนวน 3 เครื่อง รวมถึงวางท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร ความยาว 245 เมตร บริเวณถนนสนามไชยและถนนพระพิพิธเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำด้วย

“สำหรับความคืบหน้าในการปรับปรุงภูมิทัศน์ ปัจจุบันภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 60 ทุกหน่วยงานจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างภายใน 15 กันยายน ส่วนงานใดที่มีสัญญางานแล้วเสร็จหลังวันดังกล่าวจะให้เวลาไม่เกิน 7 วัน ก่อนให้หน่วยงานตรวจสอบความเรียบร้อยต่อไป ซึ่งถือว่าทั้งหมดเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ แม้จะเกิดอุปสรรคจากฝนตกบ้างก็ตาม” นายจักกพันธุ์กล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์