ชงแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ประเมินที่ดินยังรวยอู้ฟู่ รวมกว่า 6 พันล.

จากกรณีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินองค์การค้าฯ โดยหนี้เร่งด่วนที่ต้องชำระ คือค่ากระดาษ และค่าจ้างพิมพ์ ประมาณ 1,300 ล้านบาท เฉพาะดอกเบี้ยเดือนละ 5 ล้านบาท และต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานอีกเดือนละ 40 ล้านบาท ขณะที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตัดโควต้าการจัดพิมพ์หนังสือเรียนขององค์การค้าฯ เหลือ 70% เบื้องต้นนายอรรถพลได้หารือร่วมกับผู้บริหารองค์การค้าฯ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจะศึกษากฎหมายเพื่อทำแผนการถ่ายโอนพนักงานองค์การค้าฯ มายัง สกสค.ซึ่งปัจจุบันมี 1,200 คน นอกจากนี้ มีแนวคิดจะยกเลิกสัญญากับร้านค้าตัวแทนกว่า 100 แห่ง เพื่อเปิดซื้อขายเสรีแทน พร้อมทั้งเร่งสำรวจทรัพย์สิน และที่ดิน เพื่อขายลดหนี้ รวมถึง ยุบศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ที่ขาดทุนทั่วประเทศ โดยล่าสุดผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ยืนยันว่าการปิดศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ราชดำเนิน เป็นการปิดชั่วคราว โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูเพื่อเข้าหารือร่วมกับสกสค.ในวันที่ 29  ตุลาคมนี้นั้น

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นพ.ธีระเกียรติ  เจริญเศรษฐศิลป์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า  นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)  ได้มารายงานความคืบหน้าการจัดทำแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ เบื้องต้นให้ตนรับทราบ ซึ่งเท่าที่ดูการทำงานระหว่างนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. และนายวีระกุล  เป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินขององค์การค้าฯ ว่ามีอะไรบ้าง  ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์นำทะเลสาบสงขลา หรืออควาเรียมหอยสังข์ วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จ.สงขลา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา (สอศ.) ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ส่งหนังสือให้กลับมาดูรายละเอียด ว่าจะเสนอใครกลุ่มไหน ใครเป็นผู้มีอำนาจในการสอบบรรจุแต่งตั้ง และต้องแบ่งกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ว่ามีใครระดับ (ซี) ไหนบ้าง เช่น ซี 10 และ ซี 11 ต้องแยกให้ชัดเจนนั้น สัปดาห์หน้าจะประชุมกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อหารือเรื่องดังกล่าว

นายวีระกุล กล่าวว่า ตนได้รายงานแผนการปฏิรูปองค์การค้าฯ ให้รัฐมนตรีว่าการศธ. รับทราบแล้ว หลักการเบื้องต้น จะมีทั้งมาตรการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย  ก่อนหารือร่วมกับสกสค.วันที่ 29 ตุลาคมนี้ สำหรับการเพิ่มรายได้ จะมีการเปิดกิจการเพิ่ม คือ ขายหนังสือทางออนไลน์ หรืออี-บุ๊ก ขณะที่ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิช  อาจต้องปรับ แบ่งการทำงานเป็น 2 ช่วง ซึ่งอาจจะเริ่มในสาขาที่อยู่ในทำเลที่ดี  ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดผลประกอบการรวมของร้านศึกษาภัณฑ์ทั้ง 10 แห่ง ค่อนข้างดี มีรายได้อยู่ที่ 600 กว่าล้านบาท  ขาดทุนพียง 100 กว่าบาท เท่าที่ดูตัวเลขคิดว่าอยู่ในข่ายที่จัดการได้ เพราะผลประกอบการไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่คิด ตั้งเป้าว่ามี2562 จะทำให้ได้กำไร ส่วนจะกี่เปอร์เซ็นต์นั้น อยู่ระหว่างการจัดทำแผน

นายวีระกุล กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการลดรายจ่ายนั้น จะไม่ให้มีการทำโอที อย่างกรณีให้พนักงานร้านศึกษาภัณฑ์ทำงานสองช่วง ก็เป็นการแบ่งคนทำงานสองเวลา ไม่ได้ให้เขาทำงานเกิน ขณะที่การกระจายพนักงานร้านศึกษาภัณฑ์ สาขาราชดำเนินไปยังสาขาต่าง ๆ และหยุดเช่าร้านเป็นเวลา 2 ปีเพื่อรอปรับปรุงอาคารนั้น ก็ถือว่าลดรายจ่ายลงได้แล้วเดือนละ 9 แสนบาท ขณะเดียวกันจะส่งเสริมเรื่องการตลาดให้แต่ละร้านใหม่  เพิ่มสินค้าให้มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งคิดว่า จะใช้วิธีการรับฝากขาย และจะให้ร้านศึกษาภัณฑ์แต่ละแห่งไปช่วยกันคิดว่า มีสินค้าอะไรที่เป็นความต้องการ เพื่อจะหามาขายเพิ่ม  โดยตนจะนำงบประมาณบางส่วนจากฝ่ายการตลาดเคยใช้ในการอบรมมาซื้อสินค้าเพิ่ม  ส่วนข้อเสนอของสกสค. ที่ให้เกลี่ยคนจากองค์การค้าฯ มาอยู่สกสค.นั้น อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมาย แต่ตั้งข้อสังเกตว่า พนักงานองค์การค้าฯได้รับเงินเดือนจากการทำธุรกิจ ขณะที่คนของสกสค. ได้รับเงินเดือนจากรัฐ  ซึ่งถ้าหากทำได้ตนยินดี

“ส่วนการสำรวจทรัพย์สินขององค์การค้าฯ นั้น ข้อมูลล่าสุดเฉพาะที่ดีราคารวมไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท เฉพาะที่องค์การค้าฯ ลาดพร้าว  จำนวน  47 ไร่ ราคาประเมินอยู่ที่ 5 พันล้านบาทแล้วและถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า วันนี้ยืนยันว่า ถึงวันนี้องค์การค้าฯ ยังมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน และรัฐมนตรีว่าการศธ. เองให้นโยบาย ว่าทรัพย์สินใดที่เป็นขององค์การค้าฯ  ให้แยกออกมาจากสกสค. และนำมาแปรสภาพเป็นทุน เพื่อนำมาจัดการแก้ปัญหาที่เคยมีในอดีต เช่นการขายบางแปลง หรือแบ่งให้เช่นที่ดิน แต่จะขายหรือเช่าต้องผ่านความเห็นของของบอร์ดสกสค. และมีการประเมินทรัพย์สิน อย่างถูกต้องตามวิธีการประเมิน และมีเหตุผลความคุ้มค่าที่เหมาะสมเข้ามาชี้แจงในที่ประชุมรับทราบ ส่วนข้อเสนอที่ให้ไปดูสถาบันการเงินเพื่อ กู้เงินมาใช้หนี้นั้น ผมยังไม่ได้ดู อยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สิน ขณะเดียวกันยังดูของค้างสต๊อก เพื่อนำออกมาขาย ซึ่งเท่าที่ประเมินราคาเบื้องต้นมูลค่าเกือบ 1 พันล้านบาท ”นายวีระกุลกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนกรณีที่สหภาพแรงงานองค์การค้า ของคุรุสภา จะยื่นหนังสือให้รัฐมนตรีว่าการศธ. ตรวจสอบการพิมพ์หนังสือช้าในปี 2560-2561เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น นายวีระกุลกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด

 

 


ที่มา  มติชนออนไลน์