ผบ.ฉก.ปัตตานีเผยหลักฐานชัด 3 แกนนำแบ่งหน้าที่ร่วมก่อเหตุปล้นเต็นท์รถ

ผบ.ฉก.ปัตตานีเผยหลักฐานชัด 3 แกนนำแบ่งหน้าที่ร่วมก่อเหตุปล้นเต็นท์รถพร้อมเตรียมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มรวม 15 คน ฝาก “ขอบคุณประชาชน” ช่วยแจ้งเบาะแสจนสามารถสกัดกั้นไม่ให้สถานการณ์ลุกลามขยายใหญ่โต

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ห้องยุทธการ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ประชุมด่วนชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมและผู้บังคับหน่วยเฉพาะทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพื่อติดตามความคืบหน้ารวมถึงประเมินสถานการณ์เหตุกลุ่มคนร้ายปล้นเต็นท์รถ

การประเมินครั้งนี้ได้อิงจากข้อมูลแจ้งเตือน หลักฐานที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมต่างๆ กับการก่อเหตุในครั้งนี้กลุ่มคนร้ายมีการกำหนดจุดต้องการก่อเหตุใหญ่พร้อมกันหลายจุดในเขตพื้นที่ชุมชนเมือง ย่านเศรษฐกิจ รวมถึงจุดที่ตั้งหน่วยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ มุ่งการกระทำในพื้นที่ จ.ปัตตานีโดยเฉพาะ แต่จากการรายงานทางลับพบการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามล่วงหน้าก่อนแล้ว 2 วัน จึงทำให้มีการซ้อนแผนด้วยการนำกำลังไปเข้าแทรกซึมตามจุดที่อ่อนแอและสุ่มเสี่ยงว่าคนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุ อีกทั้งการประสานให้ชุดกำลังภาคประชาชนแต่ละพื้นที่เข้ามามีส่วนช่วยแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหว นำไปสู่การติดตามกดดันไม่ให้สามารถก่อเหตุตามแผนการของฝ่ายตรงข้ามในครั้งนี้ได้

พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุล่าสุดมีข้อมูลหลักฐานมาจากการให้ข่าวสารของประชาชนและจากการไล่กล้องวงจรปิด ประกอบเข้ากับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้สามารถระบุกลุ่มที่ร่วมกันก่อเหตุ แบ่งเป็น 3 ชุดปฏิบัติการของระดับแกนนำคนสำคัญของกลุ่มก่อความไม่สงบ แบ่งรับหน้าที่ทำงานประกอบด้วย 1.กลุ่มนายซอบือรี เจ๊ะหะ ทำหน้าที่ปล้นรถกระบะจากพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ส่งต่อให้กลุ่มนายมะนาเซ ไซดี นำลูกน้องไปก่อเหตุปล้นเต็นท์รถยนต์มือสองในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา และ 3.จากนั้นรวมกับกลุ่ม นายบูคอลี หลำโสะ ชุดประกอบระเบิดแสวงเครื่องให้เป็นรถคาร์บอมบ์ ก่อนจะให้แนวร่วมขับออกไปเตรียมการก่อเหตุตามจุดที่มีการกำหนด แต่ถูกสกัดกั้นจากความพยายามร่วมช่วยแจ้งเบาะแสของประชาชนตลอดที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จนทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถยุติสถานการณ์ไม่ให้บานปลายถึงกับต้องสูญเสียชีวิต ทรัพย์ ครั้งใหญ่ลงได้อย่างรวดเร็ว

พล.ต.จตุพร ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่าถึงขณะนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ ทำให้ทราบแผนการก่อเหตุและที่หลบซ่อนตัว หรือกบดานอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยกลุ่มนายบูคอลี การติดตามพบว่ายังคงหลบซ่อนตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อ.โคกโพธิ์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่ผลการปฏิบัติติดตามไล่ล่าก็มีเรื่องของข้อจำกัดเพราะการติดตามจับกุมทั้งเครือข่ายกลุ่มนี้นั้นได้ใช้วิธีหลบซ่อนตัวอยู่บนเรือประมง และมีการเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตลอดแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย เชื่อมต่อแม่น้ำหลายสายที่เชื่อมสู่ทะเล

อีกกลุ่มคือนายมะนาเซ พบว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี กับเขตรอยต่อ อ.ยะรัง อ.มายออำ อ.ยะหริ่ง ใช้รูปแบบการเคลื่อนที่หลบซ่อนตัววนเวียนอยู่ตามบ้านแนวร่วม

โดยหลักฐานเชื่อมโยงยังมีความชัดเจนว่ากลุ่ม นายมะนาเซ ที่นำลูกน้องไปปล้นเต็นท์รถยนต์ในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา และขโมยรถมาก่อเหตุรวมนั้นมีความเชื่อมโยงกลุ่มนายบูคอลีมาร ตั้งแต่การเริ่มก่อเหตุปล้นรถขายปลาของชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยะรังมาตั้งแต่ต้น โดยจากนี้ในส่วนของการวางกำลังเฝ้าระวังป้องกันรถเป้าหมายคาร์บอมบ์นั้น การตรวจพิสูจน์ทราบเสร็จสิ้นไปแล้วเกือบครบถ้วน กระนั้นยังคงไม่ไว้วางใจ เพราะฝ่ายตรงข้ามยังคงดำรงจุดมุ่งหมายในความพยายามก่อเหตุต่อไป เพราะฝ่ายตรงข้ามเกิดการสูญเสียชีวิต จึงต้องให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังป้องกันยังคงตรึงไว้อยู่ และจะเสริมกำลังเข้ามาช่วยสกัดกั้นป้องกันเหตุตามแผน กอ.รมน.ภ.4 สน.ให้มีการปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบ รวมทั้งให้เสริมกำลังเข้ามาเปิดแผนยุทธการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย เพื่อกดดันกลุ่มก่อเหตุรุนแรงไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.

พล.ต.จตุพร ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่าอีกส่วนคือแผนติดตามค้นหาแหล่งประกอบระเบิด ขั้นต้นทราบว่าอาจอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ติดเขต อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และในส่วนของกำลังฝ่ายตรงข้ามที่แยกย้ายหลังก่อเหตุนั้นสามารถระบุชื่อได้หมดทั้งเครือข่าย ทั้งนี้การปฏิบัติที่นำมาสู่ความสำเร็จด้านการป้องกันเหตุที่เกิดขึ้น มาจากผลการให้ความร่วมมือที่มาจากการทำงานของกำลังฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ กำลังที่มาจากภาคประชาชน งานด้านการข่าวกรอก โดยเครือข่ายประชาชนรายงานพบการเคลื่อนไหวในหลายแห่งพร้อมกัน จึงประเมินสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอาจมีการก่อเหตุครั้งใหญ่ จึงออกคำสั่งให้มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้าพื้นที่ ตลอดจนยุทธวิธีการปิดเมือง ด้วยการนำกำลังทุกภาคส่วน ทหาร ตำรวจ ปกครองและภาคประชาชนเข้ามาตั้งด่านจุดตรวจจุดสกัด อีกทั้งการเข้ามามีส่วนร่วมสำคัญของเครือข่ายวิทยุเครื่องแดงทั้งหมดเข้ามาร่วมแจ้งเบาะแสการสกัดกั้น จึงทำให้คนร้ายมีข้อจำกัดและไม่มีเสรีในการเคลื่อนไหวก่อเหตุ เพราะมีการรายงานด้วยวิทยุเครื่องแดงร่วมรายงานคืบหน้าเบาะแสการเคลื่อนไหวติดตาม ควบคู่กับการตั้งด่านของแต่ละชุมชน จึงอยากฝากขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามามีส่วนร่วม จนไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งวันทั้งคืน เพื่อติดตามเหตุดังกล่าวนี้มาได้ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบสวนสอบสวนพยานบุคคลและหลักฐานที่เกิดเหตุปล้นรถยนต์ทั้ง 7 คันนั้นมีความคืบหน้าโดยเฉพาะการติดตามเบาะแสของกลุ่มคนร้ายที่พยานยืนยันแน่ชัดว่าเป็นกลุ่มขบวนการระดับสั่งการณ์และปฏิบัติการของกลุ่มก่อความไม่สงบร่วมกัน และมีรายงานแนวทางสืบสวนสอบสวนทางลับจากการยืนยันข้อมูลภาพพบแฟ้มอาชญากรรม มีผู้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นวางแผลและปฏิบัติการปล้นและนำไปเป็นรถคาร์บอมบ์มาก่อเหตุในส่วนที่เป็นพื้นที่ จ.ปัตตานี ขั้นต้นทางเจ้าหน้าที่ชุดติดตามคดีความมั่นคงทั้ง ทหาร ตำรวจ ได้เร่งรวบรวมหลักฐานเตรียมยื่นให้ศาลออกหมายจับขั้นต้น 15 คน

 

ที่มา : มติชนออนไลน์