วันที่ 28 ต.ค. ผศ.ศรีรัช ลอยสมุทร วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สถานการณ์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ในประชาชนไทย ถือว่ามีความน่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่า คนส่วนใหญ่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพราะได้รับการสื่อสารความเชื่อผิดๆ โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย ที่อ้างว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตรายแต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่จริง
โดยมีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่า บุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่มวน มีอันตราย นอกจากนี้ ยังมีการสื่อสารความเชื่อผิดๆ ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่มวนได้ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงการเปลี่ยนประเภทการสูบเท่านั้น หรือแม้แต่การอ้างอิงว่าบุหรี่ไฟฟ้า ได้รับการยอมรับในทุกประเทศ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว หลายประเทศเริ่มมีมาตรการควบคุมโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฯลฯ
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
แม้ว่าขณะนี้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดให้บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งไม่สามารถซื้อขาย หรือ โฆษณาในราชอาณาจักรได้ แต่กลับมีการลักลอบนำเข้า และขายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก
ทำให้หากจะต้องทบทวนกฎหมายเรื่องการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ควรมีการทบทวนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างตรงวัตถุประสงค์ เพื่อให้ไม่มีการขาย หรือโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าได้ตามกฎหมายที่มีในปัจจุบัน
ผศ.ศรีรัช กล่าวต่อว่า ปัจจุบันจากการสำรวจนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 อายุ 16-18 ปี จำนวน 945 คนในกรุงเทพฯ พบว่า 30.5% สูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเชื่อว่าปลอดภัยและไม่เสพติด และการสำรวจในกลุ่มวัยมหาวิทยาลัย 1,155 คน พบ 61% สูบบุหรี่ไฟฟ้า และ 41% เชื่อข้อมูลในเฟสบุ๊กที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าว่าปลอดภัย เป็นการสูบแต่ไอน้ำ โดยไม่ทราบว่า ในบุหรี่ไฟฟ้านั้น มีนิโคติน และสารประกอบอื่นๆ ที่เป็นสารเคมีอันตรายเช่นเดียวกัน
โดยพบว่า ปัจจุบันมีการสร้างเพจขึ้นมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่เป็นข้อมูลที่ขัดต่อหลักฐานทางวิชาการ และเป็นการสร้างความเชื่อผิดๆ ให้กับเยาวชน และกลุ่มนักสูบว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย
สิ่งที่น่าห่วงในกลุ่มเยาวชนคือ หลายคนเริ่มหันมาเริ่มต้นการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งการปรับแต่งกลิ่น รส ของบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้สูบได้ง่ายขึ้น ไม่มีอาการเจ็บคอหรือระคายคอเหมือนบุหรี่ชนิดมวน จึงทำให้การสูบนั้นง่ายขึ้นและอาจกลายเป็นการสูบบ่อยจนติดบุหรี่โดยไม่ทันรู้ตัว ทำให้อัตราการติดบุหรี่ของเด็กและเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบการการกระตุ้นตลาดในสื่อออนไลน์ ขายตรงทางไลน์ เฟสบุ๊ก ซึ่งเข้าถึงตัวเด็กได้ง่าย จะทำให้ยากต่อการควบคุม ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ทั่วถึง
ที่มา ข่าวสดออนไลน์