องค์การค้าฯ ปล่อยเช่าที่ดินลาดพร้าว 2 ไร่ 30 ปี 365 ล้านบาท เปิดให้เอกชนประกวดแข่งขันราคา 30 ต.ค. นี้ เล็งโละพนักงานชั่วคราวกว่า 300 คน เตรียมขอลิขสิทธิ์ สลช. ผลิตเครื่องแบบลูกเสือ หวังชิงตลาด 3 พันล้าน
กรณีนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินองค์การค้าฯ โดยมีหนี้สินรวมประมาณ 3,900 ล้านบาท ขณะที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตัดโควต้าการจัดพิมพ์หนังสือเรียนขององค์การค้าฯ เหลือ 70% เบื้องต้นนายอรรถพลได้หารือร่วมกับผู้บริหารองค์การค้าฯ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหารวมถึงการเร่งสำรวจทรัพย์สินและที่ดิน เพื่อขายลดหนี้ และหาแนวทางปรับปรุงศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ที่ขาดทุนนั้น
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายอรรถ ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหาร สกสค. และผู้บริหารองค์การค้า ของสกสค. ว่า ที่ประชุมได้หารือเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินขององค์การค้าฯ ซึ่งนายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการ ศธ. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของสกสค. รายงานว่าขณะนี้องค์การค้าฯ มีสินค้าค้างสต๊อก รอนำออกขายมีมูลค่าเกือบ 1 พันล้านบาท ประกอบด้วย ตำราเรียน หนังสือห้องสมุด อุปกรณ์การเรียนทางวิทยาศาสตร์และสื่อการสอนอื่น ๆ โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าให้องค์การค้าฯ เร่งสำรวจตรวจสอบ และเร่งจำหน่ายสินค้า อาจจะขายลดราคา ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยจะได้เงินกลับมาส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการบริหารงาน
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จากการประชุมครั้งที่ผ่านมา สกสค. มีมติให้องค์การค้าฯ สามารถนำทรัพย์สินที่สกสค.ถือกรรมสิทธิ์แทน แปลงเป็นทุนได้ จากการสำรวจขององค์การค้าฯ มีรายละเอียดที่ดิน แบ่งเป็นที่ดินในกรุงเทพมหานคร และที่ดินต่างจังหวัด ที่ดินในกรุงเทพ ประกอบด้วย ที่ดินลาดพร้าว มีเนื้อที่ 47 ไร่ 2 งาน 76.4 ตารางวา ปี 2560 ได้รับการประเมินราคาไว้ในตารางวาละ 250,000 บาท เฉพาะที่ดินจุดนี้มีมูลค่า 5 พันล้านบาท ที่ดินศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาราชบพิธ มีเนื้อที่ 3 งาน 84.5 ตารางวา ราคาประเมินตารางวาละ 280,000 บาท มูลค่ารวม 107 ล้านบาท ที่ดินตรงถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นที่ตั้งศึกษาภัณฑ์ สาขาอ้อมน้อย มีเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 6.20 ตารางวา ราคาประเมินตารางวาละ 59,000 บาท มูลค่ารวม 35 ล้านบาท และที่ดินต่างจังหวัด ประกอยด้วย จ.อุทัยธานี มีที่ดินจำนวน 20 ไร่ 3 งาน, จ.ร้อยเอ็ด มีที่ดินจำนวนเกือบ 50 ไร่, จ.นครราชสีมา มีที่ดินจำนวน 25 ไร่, จ.นครสวรรค์ มีที่ดินจำนวน 10 ไร่, จ.อุตรดิตถ์ มีที่ดิน 2 แปลง ประกอบด้วย ที่ดินบริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. จำนวน 7 ไร่ และมีที่ดินเปล่าอีก 47 ไร่ และจ.ลำปาง มีที่ดินจำนวน 2 ไร่ 3 งาน รวมราคาประเมินที่ดินทั้งหมดขององค์การค้าฯ ขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท
“เพื่อคลี่คลายปัญหาหนี้สินขององค์การค้าฯ ในระดับหนึ่ง จะเปิดให้เอกชนเช่าที่ดินตรงลาดพร้าว ขณะนี้กำลังหาผู้เช่าในระยะเวลา 30 ปี ตั้งราคาขั้นต้นไว้ 365 ล้านบาท เป็นที่ดิน 2 ไร่ 3 งาน 77 ตารางวา อยู่ระหว่างลาดพร้าว ซอย 61 และซอย 63 ในวันที่ 30 ตุลาคม นี้เปิดให้เอกชนประกวดแข่งขันราคาเช่าที่ดิน เบื้องต้นทราบว่ามีผู้สนใจหลายรายคาดว่าจะได้ผู้เช่าในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันองค์การค้าฯ มีลูกหนี้ที่ค้างชำระจำนวน 381 ล้านบาท โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสถานศึกษา การดำเนินงานต่อไป จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ติดตามทวงหนี้สินกับสถานศึกษาและส่วนราชการอื่นๆ” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเครื่องหมายลูกเสือ ที่ในตลาดเฉพาะสินค้ากลุ่มลูกเสือ มีมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ขณะนี้ ลิขสิทธิ์ของเครื่องหมายลูกเสือไม่มีแล้ว เพราะใน พ.ร.บ.ลูกเสือแห่งชาติ พ.ศ.2551 ไม่ได้มีการกำหนดเรื่องลิขสิทธิ์ไว้ โดยองค์การค้าฯ จะอาศัยความได้เปรียบตรงที่ นายวีระกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) รายงานว่า ขณะนี้นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการสลช. ศึกษาหาข้อมูลเพื่อจัดทำเครื่องแบบลูกเสือจะจดลิขสิทธิ์ใหม่ โดยสลช. เป็นผู้จดสิทธิบัตร และองค์การค้าฯ เข้าไปเจรจาถึงเรื่องค่าลิขสิทธิ์เพื่อผลิตสินค้าต่อไป
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้คุยเรื่องอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ให้องค์การค้าฯ มอบฝ่ายวิชาการไปศึกษา ตามหลักสูตรวิทยาศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ใช้สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอนแบบไหนบ้าง จำนวนเท่าไร เพื่อให้องค์การค้าฯ ผลิตสินค้ารองรับให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ศธ. มีระเบียบกำหนดไว้ว่า หน่วยงานในสังกัด ศธ. สามารถจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์สำนักงาน ในวิธีเฉพาะเจาะจง ได้ในวงเงินไม่เกิน 130,000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาให้หน่วยงานในสังกัด ศธ.สามารถจัดซื้อได้มากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ให้องค์การค้าฯ ทำหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อขอขยายวงเงิน ให้หน่วยงานในสังกัด ศธ. สามารถจัดซื้อในวิธีเฉพาะเจาะจงได้มากกว่า 130,000 บาท
“ที่ประชุมมอบหมายให้องค์การค้าฯ ทำแผนลดอัตรากำลังคน โดยจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับพนักงานประจำ ส่วนพนักงานชั่วคราวที่จ้างเหมาเป็นรายปี หากทำสัญญาไปแล้ว คงจ้างต่อตามสัญญา ปัจจุบันองค์การค้าฯ มีพนักงาน 1,499 คน เป็นพนักงานประจำ 1,131 คน ลูกจ้างชั่วคราว แบ่งเป็นรายปี 258 คน แรงงานจ้างเหมา 110 คน ยังไม่ได้บอกว่าจะเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว ต้องมีการประเมินผลการทำงาน ถ้าส่วนงานไหนเกินความจำเป็น ต้องปรับย้ายต่อไป หากจำเป็นต้องเลิกจ้างจริง ต้องเป็นกรณีที่จำเป็น นอกจากนี้องค์การค้าฯ ต้องตั้งทีมงานพิจารณาเรื่องปรับโครงสร้างใหม่ เนื่องจากมีการแบ่งฝ่ายการบริหารงานย่อย ค่อนข้างเยอะเพื่อลดจำนวน โดยข้อมูลขณะนี้ องค์การค้าฯ ไม่ได้รับคนเพิ่มมากว่า 9 ปีแล้ว” นายอรรถพล กล่าวและว่า ส่วนการโอนย้ายพนักงานองค์การค้าฯ มายัง สกสค. ขณะนี้ยังติดขัดเรื่องข้อบังคับ การรับโอนพนักงานไม่สามารถทำได้ ต้องพิจารณาข้อบังคับอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สกสค. มีแผนรับคนจากองค์การค้าเข้ามาทำงานตามความสมัครใจอยู่ โดยต้องไปทำความเข้าใจกับพนักงานอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพนักงาน หากพอใจในอัตราเงินเดือนของ สกสค. ก็สามารถมาได้ เพราะ สกสค.ไม่อาจจ้างคนในอัตราแพงอย่างรัฐวิสาหกิจได้
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้สกสค. และองค์การค้าฯ มีแผนจัดงานวันเดย์เซลล์ รายละเอียดยังบอกไม่ได้มาก เบื้องต้นคือให้ร้านค้าตัวแทนทุกร้าน ทุกขนาดไม่จำกัดขนาดใหญ่หรือเล็ก สามารถมาซื้อสินค้าจากองค์การค้าฯ ได้ ทั้งนี้ร้านค้าเหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์มากเป็นพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดกำหนดวงเงินขั้นต่ำ กำหนดแผนงาน คาดว่ากลางเดือนพฤศจิกายนสามารถจัดงานวันเดย์เซลล์ ได้
“ส่วนร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ข้อมูลล่าสุด ทราบว่ามีร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ที่ขาดทุนอยู่ 3 แห่ง ประกอบด้วย ศึกษาภัณฑ์พาณิชน์ สาขาราชดำเนิน ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ เดอะสตรีท สาขาเซียร์รังสิต และศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาสนามกีฬาแห่งชาติ ผมมอบหมายให้สาขาที่ขาดทุนเหล่านี้ ไปปรับกลยุทธ์การขายใหม่ อย่างไรก็ตามศึกษาภัณฑ์ สาขาราชดำเนิน สัญญาจะหมดในเดือนมีนาคม ปี 2562 เนื่องจากพื้นที่นี้จะใช้เวลาปรับปรุง 2 ปี ภายใน 2 ปีนี้สาขาราชดำเนินจะหยุดกิจการไปก่อน หลังจากนั้นจะกลับมาเปิดให้บริการใหม่ ขณะนี้วางแผนเตรียมย้ายพนักงานต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 30 ตุลาคม ผมจะรายงานผลการประชุมให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ. ทราบต่อไป” นายอรรถพล กล่าว
ด้านนายวีระกุล กล่าวว่า ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ไม่ได้อยู่จุดไหนเป็นนิรันดร์ แต่กิจการจะโยกย้ายไปยังสถานที่ที่เหมาะสม ขณะนี้ต้องบริหารจัดการศึกษาภัณฑ์พาณิชย์จำนวน 10 แห่ง ที่มีอยู่ให้ได้กำไรก่อน ต่อไปนี้องค์การค้าฯ จะไม่ผลิตสินค้าเพื่อรอขายอีกแล้ว ต่อไปจะสำรวจความต้องการของตลาด ผ่านร้านค้าตัวแทน เพื่อนำมาพิจารณาหาจำนวนผลิตที่เหมาะสม และเน้นขายสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
ที่มา มติชนออนไลน์